โทษประหาร จากข้อถกเถียงทางโลกถึงคำตอบทางธรรม

แชร์ให้เพื่อนเลย

กระแสสังคมเรื่องโทษประหารในช่วงนี้
เริ่มต้นที่ กรณีที่กรมราชทัณฑ์ ประหารชีวิตด้วยการฉีดยาครั้งแรกในรอบกว่า 9 ปี
ต่อนักโทษเด็ดขาดชายธีรศักดิ์ อายุ 26 ปี
ผู้ต้องขังในคดีฆ่าผู้อื่นอย่างทารุณโหดร้ายเพื่อชิงทรัพย์
ชิงทรัพย์และใช้มีดแทงผู้ตาย รวม 24 แผล
อ่านข่าวเพิ่มเติมที่นี่
นำมาสู่
การถกเถียงเรื่องโทษประหารชีวิตว่าควรมีหรือไม่
เหมือนเป็นประเด็นที่ไม่รู้จบ
ต่างฝ่ายต่างมีหลักการของตัวเอง

ภาพประกอบประหารชิงทรัพย์

สิทธิในการมีชีวิตคือหลักประกันศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

ฝ่ายต่อต้านโทษประหาร
อ้างสิทธิมนุษยชน
บอกว่าสิทธิในการมีชีวิต
คือหลักประกันศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่สุด
หากชีวิตยังรักษาไม่ได้
สิทธิมนุษยชนใดๆก็ไม่มีความหมาย
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลให้ความเห็นว่า
“โทษประหารชีวิตเป็นการสังหารบุคคล
โดยรัฐเป็นผู้ลงมืออย่างเลือดเย็นและมีการไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า
และที่น่าหวาดหวั่นที่สุด คือ
การลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม และย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ในรูปแบบนี้
ถูกกระทำในนามของ “ความยุติธรรม””
แม้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยจะได้บัญญัติรับรองสิทธิในการมีชีวิตไว้
แต่ทำไมการลงโทษประหารชีวิตก็ยังคงมีอยู่ในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา
หน่วยงานแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลยืนยันว่า
การยกเลิกโทษประหารไม่ได้ทำให้อาชญากรรมเพิ่มขึ้น
ดังเช่นประเทศในยุโรป หรือ 142 ประเทศทั่วโลก
(คิดเป็น 2 ใน 3 ของโลก)
ก็ยกเลิกโทษประหารทั้งในทางกฎหมายหรือทางปฏิบัติ
แต่อาชญากรรมกลับน้อยมากๆ
มีผลวิจัยหลายประเทศยืนยันว่า โทษประหารชีวิตไม่มีผลในการลดอาชญากรรม

โทษประหารเป็นราคาที่ต้องจ่ายอย่างยุติธรรมกับความผิดที่คุณได้ทำ

ส่วนฝ่ายเห็นด้วยให้คงโทษประหาร
จะมองเรื่องสัดส่วนการกำหนดโทษ
เป็นราคาที่ต้องจ่ายอย่างยุติธรรมกับความผิดที่คุณได้ทำ
คือผิดร้ายแรงลงโทษหนัก
ใช้หลัก
ใครทำอย่างไรต้องได้อย่างนั้น
หากบทลงโทษไม่หนักเพียงพอ
คนก็จะไม่กลัวเกรงกฎหมาย
กล้ากระทำความผิด
เหมือนอย่างคดีสะเทือนขวัญ ข่มขืน ปล้นฆ่า ฆ่าหั่นศพ
จะมีกระแสเรียกร้องให้ลงโทษอย่างสาสม
หากโทษเบา
คนก็จะรู้สึกไม่ยุติธรรม
เหมือนกับว่า
คนเคารพกฎหมายขาดทุน
คนทำชั่วได้กำไร
แล้วก็จะลุกขึ้นมาเป็นศาลเตี้ยเสียเอง
อีกฝ่ายก็จะแย้งว่า
คนร้ายฆ่าคน เป็นสิ่งไม่ดี แต่เราไปฆ่าเพื่อแก้แค้น เราก็เลวไม่ต่างจากเค้า
เนื่องจากประเด็นนี้เป็นข้อถกเถียงไม่รู้จบ
และกฎหมายมีขึ้นเพื่อให้สังคมสงบเรียบร้อย
หลายประเทศจึงเลือกที่จะคงโทษประหารไว้
แต่ไม่มีการประหารจริง
หรือประหารบ้างเป็นบางครั้ง
โดยทิ้งระยะไม่ให้เกิน 10 ปี
ไม่เช่นนั้น
ทางองค์การสหประชาชาติจะถือว่า
เป็นประเทศที่ยกเลิกโทษประหารชีวิตในทางปฏิบัติทันที

ข้อถกเถียงทางโลกถึงคำตอบทางธรรม

เรื่องประหารชีวิต
คุณครูไม่เล็กเคยเล่าให้ฟัง
ในรายการหลวงพ่อตอบปัญหาว่า
แม้ทางโลกอาจจะมองว่า
ในเมื่อเขาทำความชั่วมาเยอะ
ก็สมควรแล้วที่จะต้องถูกฆ่าให้ตาย
แต่ทางธรรม เมื่อเกิดมีการฆ่ากันขึ้นมา
เราจะไม่พูดในแง่ของกฎหมาย
แต่เราจะพูดในแง่กฎของวัฏฏสงสาร
คือ
ในเมื่อเราก็ไม่ได้เป็นผู้ที่สร้างชีวิต ไม่ได้เนรมิตชีวิตใครขึ้นมา
เพราะฉะนั้น
ใครๆ ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปฆ่าใคร
ถ้าไปฆ่าใครเข้า บาปก็เกิดแก่ผู้ฆ่าทันที
แล้วถ้าหากไปอนุโมทนาต่อการฆ่านั้น เราก็จะพลอยได้บาปไปด้วย
เพราะทันทีที่เห็นดีเห็นงามต่อการทำบาป
ใจของเราก็จะขุ่นมัว
ยังไม่พอ
ตัวของเรายังได้เพาะเชื้อแห่งการขาดความเมตตากรุณาตามเขาไปด้วย

ซึ่งหลวงพ่อท่านเคยบอกว่า
คนที่ตรากฎหมายประหารชีวิตต้องแบกรับบาปเอาไว้มากที่สุด
เพราะฉะนั้น การตรากฎหมายแต่ละข้อ ขอให้คิดให้มาก
ไม่อย่างนั้นคนที่ตรากฎนั่นแหละที่ต้องแบกบาป รับบาปเอาไว้

ประหารชีวิตผิดกฎแห่งกรรม

ได้มีผู้รู้กเคยสอนเรื่องกฎแห่งกรรมกับโทษประหารไว้เหมือนกันว่า
ในแง่กฎแห่งกรรม
การตัดสินประหารชีวิตนั้น
ก็ยังถือว่า ผิดศีลข้อที่1 อยู่ดี
เพราะมีเจตนาสั่งฆ่า
แม้ว่าผู้ถูกฆ่าจะทำผิดกฎหมายก็ตาม แต่ก็ผิดกฎแห่งกรรม
ผู้ที่ตัดสินให้ประหารชีวิตนักโทษ จะมีส่วนบาปมากที่สุด
รองลงมาก็ผู้ประหารชีวิต
ถัดมาก็เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ
จะทำให้อายุขัยสั้น เพราะกรรมปาณาติบาต

นักโทษกินอิ่ม ได้ฟังเทศน์ และเพชฌฆาตได้ขอขมาก่อนประหาร

กรณีที่นักโทษได้กินอาหารจนอิ่ม ได้ฟังเทศน์ และเพชฌฆาตได้ขอขมาก่อนประหารชีวิต และนักโทษก็ให้อโหสิกรรมด้วย
อย่างนี้เพชฌฆาตก็จะมีวิบากกรรมเบาบางลงไป คือ
จะไม่มีกรรมส่วนอาฆาต ที่จะเกิดการจองเวรกันต่อไป
แต่ก็ยังมีวิบากกรรมที่ทำให้อายุสั้น
ส่วนนักโทษนั้นอาจจะมีสิทธิ์ไม่ไปอบายภูมิ
เพราะว่าจิตก่อนตายมีสภาพที่ดีขึ้น
แต่ไม่อาจไปสูงได้ อย่างมากก็เป็นภูมเทวา
เนื่องจากมีกรรมชั่วหยาบเยอะ จึงต้องมาถูกตัดสินประหารชีวิต
แต่ถ้าหากจิตยังหมองอยู่ ก็ไปทุคติได้

ดาบตัดคอกับฉีดยา วิธีประหารกับวิบากกรรมที่ไม่เหมือนกัน

ประหารชีวิตโดยใช้ดาบตัดคอและการฉีดยาให้ตายอย่างในปัจจุบัน
สองอย่างนี้จะมีผลต่อผู้ฆ่าและผู้ถูกฆ่าต่างกัน
เพราะใช้ความพยายามในการฆ่าไม่เท่ากัน เช่น
การประหารชีวิตโดยใช้ดาบตัดคอ เป็นการใช้ความพยายามมากกว่าการฉีดยา
ก็ย่อมมีวิบากกรรมมากกว่า คือ
เมื่อวิบากกรรมมาส่งผล เพชฌฆาตก็จะตายด้วยวิธีการที่ร้ายแรงกว่า และอายุสั้นมากชาติกว่ากัน

ขอบคุณข้อมูลประกอบบทความ

ยกเลิกโทษประหารชีวิต แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล
เปิดกรุงานวิจัย ธรรมศาสตร์ – จุฬาฯ ว่าด้วยโทษประหารชีวิต เมื่อแอมเนสตี้ฯ บอกว่า การประหารชีวิตเป็นเรื่องน่าละอาย
ประหารชีวิต ข้อคิดจากคำพระ ตอนที่ 1
เพชฌฆาตฟันคอ DMC Case study จากโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา

ภาพประกอบเรื่องจาก เว็บไซด์ข่าวสด และ เพจการบ้าน

One comment

  1. กฎแห่งกรรมในทางพระพุทธศาสนา ผู้ฆ่า กับผู้ถูกฆ่าในคดี เป็นคู่กรณีที่สร้างบาปพัวพันกัน ซึ่งจะมีวิบากกรรมติดตามจองเวรซึ่งกันและกันไปอีกยาวนานนัก กว่าจะมีการอโหสิกรรมเลิกจองเวรกัน ส่วนผู้ตัดสินลงโทษประหาร ผู้ออกกฎหมายให้มีโทษประหาร เพชรฆาต และผู้เกี่ยวข้องประเภทเห็นดีเห็นงามกับการมีโทษประหาร เป็นผู้รับผลบาปจากกรรมใหม่ของตนเอง ที่เอาตัวเข้าไปเกี่ยวข้องกับเขาเอง กำไร หรือขาดทุน?

Leave a reply

  • Default Comments (1)
  • Facebook Comments