จากข่าว DSI ชงยุบมูลนิธิอุบาสิกาจันทร์ขนนกยูง และจะยึดทรัพย์ 1.3 หมื่นล้านให้ตกเป็นของแผ่นดิน
ขอฝากคำถามในฐานะเป็นลูกศิษย์วัดพระธรรมกายคนหนึ่ง ถึงผู้เกี่ยวข้องทุกคน


มีองค์กรไหนบ้างที่รับบริจาคแล้วต้องถามที่มาของเงิน
คำโบราณที่ว่า “ตักบาตรอย่าถามพระ ”
วัดพระธรรมกายและมูลนิธิเป็นองค์กรการกุศล ไม่เคยมีองค์กรการกุศลไหนในโลกรับบริจาคแล้วต้องถามที่มาของเงิน
เมื่อไม่ทราบที่มาของทรัพย์ รับด้วยเจตนาสุจริต ไม่เข้าองค์ประกอบความผิด ตั้งข้อหาฐานรับของโจรได้อย่างไร

หากนักกฎหมายมองการบริจาคเป็นการฟอกเงิน แล้วมูลนิธิที่อยู่ได้ด้วยการบริจาคจะทำอย่างไร?
นักธุรกิจ เศรษฐี นักการเมืองที่ขึ้นศาล ที่ถูกตัดสินคดีว่ามีความผิดต้องรับโทษ
ไม่ว่าเคยบริจาคไว้ที่ไหน คงไม่มีใคร ตำรวจประเทศไหนในโลกไปตั้งข้อหาฟอกทรัพย์รับของโจร หรือยึดทรัพย์ตามเงินคืนกับองค์กรการกุศลเหล่านั้น
หากใช้กฎหมายอย่างที่ใช้กับวัดพระธรรมกาย
แล้วบ้านเด็กอ่อนพญาไท องค์การยูนิเซฟ หรือมูลนิธิองค์กรการกุศลต่างๆ ที่ปกติมีคนมาบริจาควันละเป็นหมื่นๆแสนๆคนเช่นเดียวกับวัดพระธรรมกาย
ถ้าหากมีใครซักคนที่เคยบริจาคถูกดำเนินคดี
มูลนิธิสมาคมเหล่านี้ มิต้องถูกยุบยึดทรัพย์ ผู้บริหารถูกจับติดคุกกันหมดหรือ?
เส้นทางการเงินบริสุทธิ์
การรับบริจาคด้วยเช็คเป็นเครื่องพิสูจน์เจตนาบริสุทธิ์ของผู้รับบริจาคได้ดีที่สุด เพราะสามารถตรวจสอบที่มาของทรัพย์ เส้นทางของทรัพย์ได้ทุกเมื่อ เช็คมีสลักหลังชื่อ ธนาคารมีประวัติธุรกรรม
เมื่อมีเจตนาที่บริสุทธิ์อย่างนี้จะเข้าข่ายเป็นการฟอกเงินได้อย่างไร
ทรัพย์ถูกไปใช้สร้างศาสนสถานจริง
DSI แถลงเองว่า มูลนิธิอุบาสิกาจันทร์ฯนำเงินบริจาคจากนายศุภชัยไปสร้างอาคารลูกโลก 7-8 ร้อยล้านบาท และสร้างวิหารคตอีก 7-8 ร้อยล้านบาท
แสดงว่าทุกบาททุกสตางค์นำไปใช้สร้างศาสนสถานและทำตามวัตถุประสงค์ของการรับบริจาคทุกประการ
ที่สำคัญคดีนี้ต่างจากคดีฟอกทรัพย์ทั่วไปมาก
เพราะผู้เสียหายอันจะเกิดจากการยึดทรัพย์นั้น
มิได้เป็นผู้กระทำผิดทางกฎหมายแต่อย่างใด
แต่เป็นชาวพุทธที่มีใจรักพระพุทธศาสนา
และได้ฝากฝังทรัพย์ของตนไว้ เพราะเชื่อมั่นว่าจะสามารถนำมาซึ่งคุณประโยชน์ให้พระพุทธศาสนาได้
โดยตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา
มีผลงานเด่นชัด ทางมูลนิธิคุณยายจันทร์ได้สร้างคุณงามความดี สร้างคนดี และบริจาคทรัพย์เพื่อประโยชน์ส่วนรวมมากมาย


บรรทัดฐานขององค์กรการกุศลในอนาคต จะถูกมองเป็นองค์กรที่ถูกใช้เป็นการฟอกทรัพย์
การตั้งคดีฟอกทรัพย์รับของโจรกับพระ
และอ้างเงินของผู้บริจาครายเดียว แล้วจะนำมายึดทรัพย์สินที่คนจำนวนมากมายมหาศาลร่วมกันถวายฝากฝังไว้ในพระพุทธศาสนา
จะเป็นบรรทัดฐานใหม่นำไปสู่การตัดเสบียงพระศาสนา
ให้พระมีความผิดจากการทำกิจของสงฆ์
ทำให้พระที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการกุศล ก็เหมือนก้าวขาข้างหนึ่งไปในคุก
วัดและองค์กรการกุศล มีความเสี่ยงถูกยึดทรัพย์ทุกเมื่อ
หากใช้กฎหมายไม่เป็นธรรม
ผู้เสียหาย 50,000 คน ของสหกรณ์คลองจั่น จะกลายเป็น 1,000,000 คน ที่รวมผู้บริจาคทรัพย์ทั่วโลก
และความเสียหายจะไม่ใช่แค่สหกรณ์คลองจั่น แต่จะขยายเป็นความเสียหายของพระพุทธศาสนา แล้วกลายเป็นปัญหาระดับประเทศทันที
มีประเทศไหนบ้างที่รัฐใช้บรรทัดฐานแบบนี้กับองค์กรการกุศล แล้วรัฐจะตอบคำถามจากประชาคมโลกได้อย่างไร



ที่มาภาพและเนื้อหา
- ข่าว เสนอฟ้องยุบ มูลนิธิขนนกยูง ผิดฐานฟอกเงิน
- ข่าว เบื้องลึก!เส้นทางเงิน ปปง.อายัดที่ดินอาคาร100ปี
- ภาพจากบล็อกดี ๆ 072
- ภาพจากเพจการบ้าน
กฏแห่งกรรม ไม่เคยลืมผู้กระทำ
ปลูกถั่วได้ถั่ว ปลูกงาได้งา
ส่วนหนึ่งของเงินเดือนฉันทุกเดือน ได้จบหัวแล้วจบหัวอีกเปลี่ยนแปลงมาเป็นอาคารสถานที่ในวัดพระธรรมกาย
มันผู้ใดแม้นเพียง คิด ที่จะยึดครอง ขอให้มันผู้นั้น จงแพ้ภัยตัวเองกลับไป และลง น ร ก ล้านกัปป์