พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน สังยุตตนิกาย สคาถวรรค ว่า
“ยาทิสํ วปเต พีชํ
ตาทิสํ ลภเต ผลํ กลฺยาณการี กลฺยาณํ
ปาปการี จ ปาปกํ
บุคคลหว่านพืชเช่นไร ย่อมได้ผลเช่นนั้น
ผู้ทำกรรมดี ย่อมได้รับผลดี ผู้ทำกรรมชั่ว ย่อมได้รับผลชั่ว”
การกระทำใดๆ ในโลกนี้ ที่ไม่ให้ผลนั้นย่อมไม่มี
การทำความดีที่ดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ก็อาจนำมาซึ่งผลแห่งบุญที่เกินจินตนาการ
ดังเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสมัยพุทธกาล

อานุภาพแห่งบุญที่ได้ทำเพียงเล็กน้อยแต่ถูกเนื้อนาบุญ
ครั้งที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปปัดเป่าภัยพิบัติยังกรุงเวสาลี
มหาชน ได้เตรียมหนทางเสด็จสำหรับพระผู้มีพระภาคเจ้า และเหล่าภิกษุ ๕๐๐ รูป
มีการปรับพื้นที่ให้สม่ำเสมอ สร้างวิหารเป็นที่พักระหว่างทางทุก ๑ โยชน์
ตั้งหม้อน้ำ ประดับธงชัย ถวายการสักการะด้วยการโปรยดอกไม้ ๕ สี
และตลอดระยะทางจัดให้กั้นเศวตฉัตร บูชาด้วยดอกไม้ และของหอมต่างๆ มากมาย
ทันทีที่พระบรมศาสดาก้าวพระบาทประทับชายฝั่งแคว้นลิจฉวี
ฝนโบกขรพรรษก็ตกลงมา ใครต้องการให้เปียกก็เปียก ใครไม่ต้องการให้เปียกก็ไม่เปียก
น้ำฝนไหลไปชะล้างแผ่นดิน พัดพาสิ่งไม่ดีให้หายไป จนเมืองเวสาลีสะอาดหมดจด
พระองค์ได้แสดงรัตนสูตร ที่ใจกลางเมืองต่อเนื่องกันถึง ๗ วัน
เมื่อจบพระธรรมเทศนา เทวดา และมนุษย์ทั้งหลายต่างได้บรรลุธรรมถึงวันละ ๘๔,๐๐๐
ทุกๆ วัน

ระหว่างทางที่พระองค์เสด็จกลับกรุงราชคฤห์
นอกจากมนุษย์ที่ได้ถวายการสักการะต้อนรับเพื่อบูชาธรรมแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว
แม้พญานาคที่อยู่ในแม่น้ำคงคา ก็ได้เนรมิตเรือที่สำเร็จด้วย ทอง เงิน และแก้วมณี
มารับพระพุทธองค์และเหล่าภิกษุกลับไปยังกรุงราชคฤห์
ทั้งเหล่าเทวดาและพรหมทั้งหลายก็ได้ทำการสักการบูชาอย่างเลิศ
จนถึงภพของอกนิษฐพรหม
ซึ่งพระองค์ตรัสว่า
“การบูชาอันวิเศษนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นด้วยพุทธานุภาพ
หรือด้วยอานุภาพของนาค เทวดา หรือพรหม
แต่เกิดขึ้นด้วยอานุภาพแห่งบุญที่ได้ทำเพียงเล็กน้อยแต่ถูกเนื้อนาบุญ”
ในพระชาติที่พระบรมโพธิสัตว์เกิดเป็นสังขพราหมณ์
ได้ถอนหญ้าบริเวณลานเจดีย์ที่ประดิษฐานพระธาตุของพระปัจเจกพุทธเจ้าสุสิมะ
และใช้ผ้าห่มขนทรายมาเกลี่ยลงบนลานเจดีย์ ประพรมด้วยน้ำจากคนโท
นำดอกไม้ป่ามาประดับบูชา ใช้ผ้าห่มทำเป็นธงประดับไว้
ผูกร่มของตนไว้บนสถูป แล้วก็กราบบูชาพระเจดีย์
ด้วยอานิสงส์ที่พระองค์ได้ถอนหญ้าที่ลานเจดีย์ของพระปัจเจกพุทธเจ้าสุสิมะ
มนุษย์ทั้งหลายจึงได้ถางทางให้พระองค์เสด็จ
ด้วยอานิสงส์ที่ทรงเกลี่ยทรายปรับพื้นลานเจดีย์
มหาชนจึงได้เกลี่ยทรายปรับหนทางให้พระองค์
เพราะพระองค์ได้บูชาพระเจดีย์ด้วยดอกไม้ป่า
มหาชนจึงปูทางพระดำเนินด้วยดอกไม้นานาพรรณ ทั้งบนบก และในน้ำ
เพราะพระองค์ได้ประพรมน้ำรอบพระเจดีย์ จึงทำให้ฝนโบกขรพรรษตกลงมาในเมืองเวสาลี
และการที่พระองค์ได้ทำธง และผูกร่มบูชาพระเจดีย์ มนุษย์ และเทวดาทั้งหลายจึงได้ยกธง
และซ้อนฉัตรบูชาพระองค์จนถึงอกนิษฐพรหมโลก
การบูชาอันเลิศที่พระองค์ได้รับครั้งนี้ ก็เนื่องด้วยการบูชาเพียงเล็กน้อย
ที่พระองค์กระทำในเนื้อนาบุญนั่นเอง

ปลูกเบญจทรัพย์ ทรัพย์บานชื่น มุ่งหมายบูชาพระรัตนตรัย
ดอกไม้นำมาซึ่งความสดชื่น ความเบิกบาน นำพากลิ่นหอนอันน่ายินดี ผู้ได้รับ ผู้พบเห็น
ชาวโลกแสดงความยินดีกันด้วยดอกไม้ ก่อให้เกิดมิตรภาพที่ดีต่อกัน
เราบูชาพระรัตนตรัยด้วยดอกไม้ ก็ทำให้เกิดอานิสงส์มากมายนานัปประการ

ต้นกล้าต้นเล็กๆ ก่อให้เกิดต้นไม้ใหญ่มีกิ่งก้านสาขามากมาย
ต้นเบญจทรัพย์ ทรัพย์บานชื่นที่เราได้ช่วยกันตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการปลูก
ดูแลรดน้ำพรวนดิน ถอนวัชพืช จนกระทั่งออกดอกผล
ก่อให้เกิดกิจกรรมบุญมากมาย
เกิดภาพสาธุชนจำนวนมากช่วยกันปลิดกลีบดอก
ช่วยกันโปรยดอกไม้บนเส้นทางธรรมยาตรา อย่างเป็นระเบียบสวยงาม
เกิดภาพประวัติศาสตร์การต้อนรับพระธรรมยาตรา เยื้องย่างบนเส้นทางดอกไม้
บูชาพระผู้ปราบมาร บูชาพระบรมสารีริกธาตุ เป็นเนื้อนาบุญอันไม่มีประมาณ
ความเป็นระเบียบ ความงดงาม ก่อเกิดภาพทัศนานุตริยะ คือการเห็นอันประเสริฐที่หาดูได้ยาก
นำมาซึ่งความเลื่อมใสศรัทธาในพระรัตนตรัยต่อผู้พบเห็น ต่อชาวโลก

ก่อเกิดบุญกุศลมากมายต่อผู้มีส่วนร่วม รวมถึงเทวดาที่ร่วมอนุโมทนา
ก่อเกิดแรงบรรดาลใจที่จะสร้างความดีของผู้คน
ก่อเกิดกำลังใจที่จะฟื้นฟูพระพุทธศาสนา รู้สึกรักและหวงแหนพระศาสนา
ทุกภาพล้วนเป็นประวัติศาสตร์ชีวิตอันงดงาม
แม้ร่างกายจะร้อนด้วยแสงแดด ต้องเปื้อนจากฝุ่นดิน ต้องเปียกแฉะเพราะน้ำที่รด
แต่การประกอบเหตุของเราเป็นกตัญญูบูชาต่อมหาปูชนียาจารย์
ก็เหมือนสังขพราหมณ์ในอดีต
บุญที่ได้ทำเพียงเล็กน้อยแต่ถูกเนื้อนาบุญนี้
ก็อาจนำมาซึ่งผลแห่งบุญที่เกินจินตนาการ
เหมือนเรื่องราวเมืองเวสาลีในสมัยพุทธกาล
พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า
“มตฺตาสุขปริจฺจาคา ปสฺเส เจ วิปุลํ สุขํ
จเช มตฺตาสุขํ ธีโร สมฺปสฺสํ วิปุลํ สุขํ
ถ้าบุคคลพึงเห็นความสุขอันไพบูลย์ เพราะสละความสุขพอประมาณ
นักปราชญ์เมื่อมองเห็นความสุขอันไพบูลย์ ก็พึงสละความสุขพอประมาณเสีย”



ที่มาภาพและเนื้อหา
- พระพุทธคุณ ตอน พระผู้เสด็จไปดีแล้ว จากรายการธรรมะเพื่อประชาชน
พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับมหามกุฏฯ) เล่มที่ ๓๙ หน้าที่ ๒๑๕ รัตนสูตร ว่าด้วยรัตนอันประณีต
สังยุตตนิกาย สคาถวรรค บุคคลหว่านพืชเช่นไร ย่อมได้ผลเช่นนั้น - พระไตรปิฎก ฉบับสยามรัฐ(บาลี) เล่มที่ ๒๕ ข้อที่ ๕๓ หน้าที่ ๓๑
- พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับมหาจุฬาฯ) เล่มที่ ๒๕ ข้อที่ ๒๙๐ หน้าที่ ๑๒๓
- ภาพดีๆ ๐๗๒ ในกิจกรรม”ทรัพย์บานชื่น” การปลูก การเก็บ การเด็ด การโปรย และ ภาพการเจริญเติบโตของทรัพย์บานชื่น