วันนี้ผมอ่านอะไร
หนังสือ “สุขภาพนักสร้างบารมี” โดยหลวงพ่อทัตตชีโว
หนังสือเล่มนี้
เนื้อหานำมาจากธรรมเทศนาของหลวงพ่อทัตตชีโว
ร่วมจัดทำโดยแพทย์จากหลายสาขาวิชา
สิ่งที่ได้
จึงเป็นความรู้องค์รวม
จากศาสตร์ตะวันออกตะวันตก และความรู้สุขภาพในพระไตรปิฎก
จึงขอหยิบยกเนื้อหาทั้งหมดที่ว่าด้วยเรื่อง “การอั้นปัสสาวะ” มาให้อ่านกัน
การอั้นปัสสาวะบั่นทอนสุขภาพ
ผลเสียของการอั้นปัสสาวะนาน ๆ
เวลาเราเดินทางไกลๆ หรือเล่นกีฬา หรือมีการประชุม
มักจะอั้นปัสสาวะกันครั้งละนานๆ
หรือบางคนนอนหลับแล้ว ปวดปัสสาวะ แต่ไม่อยากลุกไปเข้าห้องน้ำ
เพราะเสียดายความง่วงบ้าง กลัวผีบ้าง ขี้เกียจลุกขึ้นมาบ้าง เหล่านี้เป็นต้น
เลยนอนอั้นปัสสาวะเอาไว้ตลอดทั้งคืน
และใครที่อั้นปัสสาวะจนมีความรู้สึกว่า หายปวด
อย่าเข้าใจผิดคิดว่า ร่างกายของเรา แข็งแรงนะ
เพราะสภาวะเช่นนั้นกำลังก่อความพินาศฉิบหาย ให้กับร่างกายของเรา
นับตั้งแต่…
- กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
- โลหิตพิการ
- ตับร้อน ไตร้อน
- โรคภูมิแพ้
- กลิ่นตัวแรง
- นิ่ว
- กระเพาะปัสสาวะเกร็ง
- รวมไปถึงทำให้ผลของการปฏิบัติธรรมไม่ก้าวหน้าอีกด้วย

กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
ผลของการอั้นปัสสาวะ ทำให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
และอาการเบื้องต้นก็คือ
เวลาปัสสาวะจนรู้สึกว่าหมดแล้ว
แต่พอเวลาผ่านไปไม่ถึง ๕ นาที จะกลับปวดปัสสาวะอีก
ยิ่งไปกว่านั้น…
หากกระเพาะปัสสาวะอักเสบนานติดต่อกันเป็นอาทิตย์
พอปัสสาวะคิดว่าหมดแล้ว ทันทีที่ลุกขึ้นมันจะหยดติ๋ง ๆ เลย
ปัสสาวะจนหมดแล้ว แต่ทำไมเวลาผ่านไปไม่นาน รู้สึกปวดอีก กลับไปปัสสาวะใหม่ยังมีปัสสาวะออกมาอีก?
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเมื่อเราอั้นปัสสาวะนานๆ
ปัสสาวะจะถูกดูดซึมย้อนกลับ (Reabsorb) เข้าไปในเส้นเลือด
แล้วก็ถูกขับออกมาใหม่
เพราะฉะนั้นจำนวนปัสสาวะออกมาใหม่เท่าไร ก็ฟ้องว่ามันได้ถูกดูดซึมย้อนกลับเข้าไปอยู่ในเส้นเลือดเท่านั้น
นึกเอาก็แล้วกันว่า มีอันตรายหรือไม่
บางคนมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย
ซึ่งเชื้อโรคเหล่านี้พบมากที่บริเวณทวารหนัก
แล้วเกิดการปนเปื้อนเข้าสู่ท่อปัสสาวะ
จนมาถึงกระเพาะปัสสาวะ
เมื่ออั้นปัสสาวะไว้นานๆ
เชื้อโรคจึงมีช่วงเวลาในการแฝงตัวและเจริญเติบโตเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นอันมาก
จนทำให้มีอาการปัสสาวะกะปริบกะปรอย หรือขัดเบา และแสบ
เวลาถ่ายปัสสาวะ บางคนอาจมีปัสสาวะขุ่นหรือมีเลือดปน
บางคน เชื้อกระจายผ่านท่อไตขึ้นมาที่กรวยไต
ทำให้มีอาการไข้สูงหนาวสั่น ปวดที่บริเวณสีข้างด้านที่มีการติดเชื้อ
โลหิตพิการ
ปัสสาวะของคนปกติ มีคุณสมบัติเป็นกรดอ่อนๆ
สังเกตดูง่าย ๆ จากเวลาที่เราปัสสาวะ
ถ้ามันกระเด็นไปโดนผิวหนัง จะรู้สึกแสบคัน
เด็กผู้ชายเข้าใจเรื่องนี้ดี
เพราะเวลายืนปัสสาวะมักกระเด็นไปถูกหน้าแข้ง รู้สึกแสบๆ คันๆที่หน้าแข้ง
ยิ่งในหน้าหนาว อาจจะทำให้ผิวหน้าแข้งแตก ^
ความรู้จากแพทย์แผนจีน
ปัสสาวะมีคุณสมบัติเป็นกรด
แต่โดยธรรมชาติเม็ดเลือดแดง และเม็ดเลือดขาว รวมทั้งน้ำเหลืองมีคุณสมบัติเป็นด่างอ่อนๆ
ปัสสาวะที่ถูกดูดซึมย้อนกลับ(Reabsorb) เข้าไปในเส้นเลือด
จะกลายเป็นกรดขึ้นมา
มีผลให้เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และน้ำเหลือง ยิ่งแย่ลง
ปริมาณปัสสาวะที่ถูกดูดซึมย้อนกลับเข้าไปยิ่งมาก และนานเท่าใด
เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และน้ำเหลืองก็จะยิ่งแย่ลงเท่านั้น
นี่คือสาเหตุที่แท้จริงของโลหิดพิการ และเม็ดเลือดน้อย
ตับร้อนไตร้อน
ตับทำหน้าที่กรองและทำลายสารพิษ
เช่น สารพิษที่ปนเปื้อนในอาหาร
ไม่ว่าจะเป็นยาฆ่าแมลง ผงชูรส เป็นต้น
มีอะไรแปลกปลอมที่เป็นพิษปนเข้าไปในร่างกาย
ตับจะกรองและทำลายก่อน
ส่วนไตทำหน้าที่ขับของเสียที่เป็นผลผลิตจากร่างกาย และกรองสารพิษที่หลงเหลือออกจากเส้นเลือต
พูดง่ายๆ ก็คือ
ไตทำหน้าที่กรองโลหิตให้บริสุทธิ์
เมื่ออั้นปัสสาวะนานๆ
ปัสสาวะที่ถูกดูดซึมย้อนกลับเข้าไปในเส้นเลือด ก็กลายเป็นของเสียที่ร่างกายต้องทำลายและขับออก
ของเสียในเลือดที่เพิ่มมากขึ้น
ตับต้องทำงานหนักมากขึ้น
ตับจึงร้อน
ไตทำงานหนักมากขึ้น ไตจึงร้อน
ยิ่งอั้นปัสสาวะนานเท่าไร
ตับและไตต้องทำงานหนักมากขึ้นตามไปเท่านั้น
โรคภูมิแพ้
เมื่ออั้นปัสสาวะนานๆ
ปัสสาวะที่ถูกดูดซึม ย้อนกลับเข้าไปในเส้นเลือด
กลายเป็นทั้งเนื้อทั้งตัวแช่ปัสสาวะ
แช่ทั้งร่างกาย จะย่ำแย่ขนาดไหน
ถ้าใครเคยกินเนื้อแดดเดียวหรือเนื้อวัวแช่น้ำปลาตากแดดไว้สักหนึ่งแดด
จะรู้ว่า รสชาติของเนื้อแดดเดียว มีความเค็มของน้ำปลาอยู่ในเนื้อวัวนั้น
อร่อยทั้งหวานทั้งเค็มอยู่ในตัว
เนื้อเราก็เช่นกัน
แช่อยู่ในปัสสาวะที่ถูกดูดซึมย้อนกลับเข้าไปในเส้นเลือดนานๆ
ปัสสาวะได้ซึมซาบปนเข้าเนื้อของเราเหมือนเนื้อแดดเดียวนั้นเอง
ผลสุดท้ายของเสียในปัสสาวะทำให้ร่างกายของเราทำงานผิดปกติ เช่น
ลมพิษก็เป็นง่าย สิวก็ขึ้นง่าย น้ำเหลืองก็เสียง่าย เม็ดผื่นที่สองข้างขาหนีบขึ้นง่าย
ภูมิแพ้ บางครั้งยุงกัดก็บวม บางครั้งกินอาหารทะเลหรือกินอะไรผิดไปหน่อย ผื่นเห่อขึ้นมาเชียว
บางทีอึดอัดหายใจไม่ค่อยออก เป็นต้น
หลวงพ่อเองเคยเป็นมาตั้งแต่ก่อนบวช ตกกลางคืนมันคันมากจนแสบ
ยาแก้โรคผื่นคันในท้องตลาด รู้จักหมด ทดลองหมด ทุกยี่ห้อ ก็ไม่หายคัน
บางทีก็นึกว่าไอ้ตัวคันๆ ถ้าเป็นคน
ลุกขึ้นมาได้ ให้ตัวเท่าช้าง
พ่อจะเตะเสียให้คว่ำเลย
รวมทั้งเป็นโรคภูมิแพ้จาม ฟึดฟัดๆ สั่งน้ำมูกตลอด
ไม่ว่าอะไรก็แพ้หมด กลิ่นอะไรสักนิดก็แพ้
ยาฆ่าแมลงที่ฉีดไว้เมื่อสามสี่วันที่แล้ว เดินผ่านเข้าไปในบริเวณนั้นก็แพ้
เพราะว่ามันมีพิษตกค้างอยู่
แม้ไปงานศพ เวลาเขาเผาศพ มีกลิ่นออกมาก็แพ้
นึกในใจอีกหน่อยคงจะอยู่กับคนไม่ได้ แค่ใครผายลมก็คงจะแพ้
บางทีนอนไม่หลับเพราะอาการคัน ก็เพ้อเจ้อเลยเถิดไปว่า
เราก็สร้างบุญมาขนาดนี้แล้ว ทำไมบุญมาช่วยช้าจัง หรือวาสนาการสร้างบารมีของเราจะหมดเสียแล้ว
นึกเพ้อเจ้อทำนองนี้
แต่ไม่ได้นึกหรอกว่าตัวเองกินไม่เป็น ถ่ายอุจจาระไม่เป็น ปัสสาวะไม่เป็น
ผลสุดท้ายถึงได้ลำบากสารพัดอยู่อย่างนี้
เมื่อคอยเฝ้าสังเกตก็ทราบถึงสาเหตุว่า
เวลาทายาไปแล้ว ก็หายได้พักหนึ่ง
เมื่อเดินทางแล้วรถไปติด จึงต้องอั้นปัสสาวะ
พอกลับมารู้สึกหน่วงๆ หน้าท้อง
แต่คืนนั้นยังไม่เป็นไร
พอข้ามมาอีกคืนเท่านั้น คันขึ้นมาเลย
กว่าจะทราบถึงสาเหตุว่า อาการต่างๆ เกิดจากการอั้นปัสสาวะ
ก็เป็นโรคนี้ตั้งแต่อายุประมาณ ๒๐ ปี
มาจับทิศได้ถูกทางเมื่ออายุ ๔๐ ปี
ทรมานอยู่ ๒๐ ปี
เพราะว่าช่วงวัยรุ่นเป็นนักกีฬา
ลงสนามไปแข่งกีฬาตั้งแต่บ่ายโมง กว่าจะออกจากสนามได้ก็ประมาณ ๕ โมงเย็น
จึงต้องอั้นปัสสาวะตั้งแต่บ่ายโมงถึงห้าโมงเย็น
เข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ก็ทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำ
และติดนิสัยอั้นปัสสาวะครั้งละนานๆตั้งแต่สมัยวัยรุ่น
จึงต้องมาลำบากโดยใช่เหตุเช่นนี้
กลิ่นตัวแรง
เมื่ออั้นปัสสาวะนานๆ
ของเสียที่ถูกดูดซึมย้อนกลับเข้าไปในเส้นเลือด
กลายเป็นทั้งเนื้อทั้งตัวแช่ปัสสาวะ
ทำให้คนนั้นมีกลิ่นตัวแรง
ถ้าให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ
คนอั้นปัสสาวะ เหมือนทั้งร่างกายเป็นกระโถนใส่ปัสสาวะเคลื่อนที่ได้นั้นเอง
นิ่ว
เมื่ออั้นปัสสาวะนานๆ แคลเซี่ยมที่เป็นส่วนประกอบในปัสสาวะ จะตกค้างอยู่ในระบบทางเดินปัสสาวะ
ผลต่อไปข้างหน้าคือ เป็นนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ หรือนิ่วในท่อไต หรือนิ่วในไตได้
ใครที่เคยเทกระโถนให้ผู้เฒ่าคงจะสังเกดเห็นว่า
กระโถนที่ใช้เกินหนึ่งเดือน ก็จะมีคราบหินปูนเกาะ
คราบหินปูนนั้นคือ แคลเซี่ยม ที่ตกค้างจากปัสสาวะนั้นเอง
กระเพาะปัสสาวะเกร็ง
ใครที่อั้นปัสสาวะไว้บ่อยๆ
กล้ามเนื้อและพังผืดบริเวณที่กระเพาะปัสสาวะจะเกร็ง
เมื่อเกร็งแล้วมันจึงไม่ฟู
ทำให้กระเพาะปัสสาวะหดตัว มีขนาดเล็กลง
ความสามารถในการเก็บปัสสาวะของมันก็ลดลง
สมมุติว่า เคยเก็บได้ ๕๐๐ ซี.ซี.
อาจจะเก็บได้เหลือแค่ ๒๕๐ ซี.ซี.
เมื่อเก็บได้น้อยลงครึ่งต่อครึ่ง
ก็จะทำให้เราเป็นโรคปวดปัสสาวะบ่อย
วิธีป้องกันก็อย่าไปอั้นปัสสาวะไว้นานๆ
และวิธีแก้ไข
โดยการออกกายบริหารให้มากสักหน่อย
จะกระโดดเชือก หรือเตะลม หรือโยคะ หรืออะไรก็ตามที
แต่ต้องทำให้มากพอ อย่างน้อยต้องต่อเนื่องกันไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง
ถ้าทำอย่างนี้กล้ามเนื้อและพังผืดบริเวณกระเพาะปัสสาวะที่เกร็งตัวอยู่จะคลาย
เมื่อมันคลายเต็มที่แล้ว ความสามารถในการเก็บปัสสาวะก็จะกลับคืนมา
เก็บปัสสาวะได้มากขึ้นจนเป็นปกติตามเดิม
วิธีที่ได้ผลเร็วมากอีกวิธีหนึ่งคือ
หากวันไหนอั้นปัสสาวะนานๆ
ก่อนนอนให้ใครที่นวดเป็น นวดบริเวณท้องน้อย และบริเวณกระดูกกระเบนเหน็บ (กระดูกที่อยู่ระหว่างก้นทั้งสองข้าง)
จะช่วยให้อาการเกร็งตัวของกระเพาะ ปัสสาวะคลายตัวลงได้เร็ว
นั่งสมาธิได้ไม่ดี
คุณยายอาจารย์มหารัดนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ได้พูดเตือนหลวงพ่อไว้ว่า
“หลวงพ่อทัตตะ การอั้นปัสสาวะนานๆ ต่อไปจะทำให้ปวดปัสสาวะบ่อย แล้วทำสมาธิไม่ก้าวหน้า”
คำเตือนของคุณยายฯ ย่อมมีนัยว่า
ใครที่นั่งสมาธิแล้ว ยังเข้าไม่ถึงองค์พระ
หากยังไม่เลิกอั้นปัสสาวะ นานๆ ชาตินี้ก็จะเข้าไม่ถึง
ที่เข้าถึงแล้วก็จะไม่แตกฉาน
จะไม่ก้าวหน้าต่อไปอีก
จะเห็นได้ว่า
แค่ไม่ระวังในเรื่องของการอั้นปัสสาวะซึ่งเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย
แต่ก็เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติธรรมของพวกเราอย่างมหันต์

ดังนั้น เข้าพรรษาปีนี้
ก็ให้ทุกท่านดูแลสุขภาพควบคู่การประพฤติปฏิบัติธรรม
ถนอมร่างกายไว้ใช้สร้างบารมีกันไปนานๆนะครับ

ที่มาภาพและเนื้อหา
- หนังสือ สุขภาพนักสร้างบารมี โดยหลวงพ่อทัตตชีโว
- ภาพจากเพจการบ้าน และ จากบล็อกเกอร์ภาพดีๆ072 และจาก เว็บภาพ pixabay.com