การบวช : พลังแห่งพุทธบริษัท ๔ เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว

แชร์ให้เพื่อนเลย

เกิดมาทำไม ตายแล้วไปไหน อะไรคือความสำเร็จของชีวิต
เชื่อว่านี่คือคำถามที่หลายๆคนเฝ้าถามตัวเอง และพยายามแสวงหาคำตอบ
แต่คนส่วนใหญ่ไม่พบคำตอบ
หรือได้คำตอบ แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่า มันเป็นคำตอบที่ถูกต้องจริงๆหรือไม่
พระบรมโพธิสัตว์ก่อนตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เคยเป็นอีกผู้หนึ่งที่ตั้งคำถาม
และใช้เวลา ๒๐ อสงไขยเศษ กว่าจะค้นพบคำตอบที่แท้จริงนี้
เราโชคดี เกิดในยุคที่มีพระพุทธศาสนา
การจะได้มาซึ่งคำตอบจึงไม่ต้องใช้เวลามากมายขนาดนั้น
เพราะความรู้ของพระบรมศาสดาได้ถูกสืบทอดต่อๆกันมา จากชาวพุทธรุ่นต่อรุ่น
เดินทางผ่านกาลเวลา ๒,๕๐๐ ปี จนถึงในยุคของพวกเรา

พิธีบวชพระ
ภาพประกอบการอุปสมบทคณะสงฆ์ภายในอุโบสถวัด

ในอีกไม่กี่วันนี้ กำลังมีโครงการบวชพระ ๑,๐๐๐ รูปเกิดขึ้นที่วัดพระธรรมกาย
ผู้นำบุญยอดกัลยาณมิตร ก็กำลังชวนชายแมนๆจากทั่วประเทศ
มาบวชให้ทันวันที่ ๑ ธันวาคม ซึ่งเป็นวันเริ่มโครงการ
สำหรับคนที่ยังไม่เข้าใจ อาจสงสัยว่า
บวชพระเยอะๆไปทำไม ใครได้ประโยชน์
บทความนี้จะเล่าให้ฟัง

รู้หรือไม่ ขณะนี้ประเทศไทยมีวัดร้างถึง ๖,๐๐๐ กว่าวัด

รายงานจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติพบว่า
ปี ๒๕๕๙ ประเทศไทยมีพระภิกษุทั้งหมด ๒๙๘,๕๘๐ รูป
มีวัดทั้งหมด ๓๙,๘๘๓ วัด
เท่ากับว่า ประเทศไทยมีพระเฉลี่ยเพียง ๗.๔ รูปต่อวัดเท่านั้น
ในขณะที่วัดร้างมีมากถึง ๖,๓๐๐ วัด
กฎหมายบัญญัติว่า
การขอยกวัดร้างขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จําพรรษา ต้องมีพระสงฆ์จำพรรษาอย่างน้อย ๔ รูป
จะฟื้นฟูให้ทุกวัดสามารถรับ “กฐิน” ได้
แต่ละวัดต้องมีพระสงฆ์อยู่จำพรรษา ๕ รูป
ดังนั้นการขอฟื้นฟูวัดร้างทั้งหมด จะต้องใช้พระภิกษุ ๒๔,๑๓๒ รูป
และการที่จะให้วัดเหล่านั้นสามารถทอดกฐินได้ ก็ต้องมีพระจำพรรษาอย่างน้อย ๓๐,๑๖๕ รูป
จะแบ่งพระมาจากวัดอื่นก็แทบเป็นไปไม่ได้
เพราะค่าเฉลี่ยพระในแต่ละวัด ๗ รูป น้อยเต็มที
พระก็มีสมณกิจ และภาระกิจต้องเผยแผ่พระธรรมคำสอนให้กับสาธุชนมากอยู่แล้ว
ยิ่งในปัจจุบัน คนห่างพระศาสนา มุ่งทำมาหากิน
จึงมีคนบวชพระและบวชเณรศึกษาธรรมน้อยลง
ในขณะที่หลวงปู่หลวงพ่อก็สูงวัย บ้างก็อาพาธ
พระจึงน้อยลงทุกปี
หลายวัดพระน้อยจนรับกฐินไม่ได้มาหลายปีแล้ว
แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะฟื้นฟูวัดร้างทั้งหมดได้
วัดพระธรรมกายโดยดำริของหลวงพ่อธัมมชโย
จึงต้องริเริ่มโครงการบวชพระพันรูปแสนรูปขึ้นมา
และได้จัดต่อเนื่องมากว่า ๑๐ ปีแล้ว

บวชพระ ใครได้ประโยชน์

โครงการบวชของวัดพระธรรมกาย บวชเพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา ศึกษาธรรมะของพระพุทธเจ้าเพื่อดำเนินชีวิตให้ถูกต้อง กตัญญูบูชาธรรมและทดแทนพระคุณบุพการี
ผู้ชายแท้ ๆ ที่มีเวลา ก็มาบวช ฝึกตนทนหิวบำเพ็ญตบะ
อุบาสิกาหรือสาธุชนที่ต้องทำงาน ก็ร่วมบุญเป็นปัจจัยเป็นค่าใช้จ่ายในโครงการ
พระที่บวชจะได้ปลดกังวล
มุ่งปฏิบัติธรรมบำเพ็ญสมณกิจเพียงอย่างเดียว
เพื่อจะได้เป็นเนื้อนาบุญให้กับสาธุชนและชาวโลก

การ์ดเชิญชวนบวช : โครงการอุปสมบทหมู่ธรรมทายาท 

โครงการนี้ คือพลังแห่งพุทธบริษัท ๔
เป็นการร่วมแรงร่วมใจของชาวพุทธที่แท้จริง
ผู้บวชก็จะได้ตอบแทนคุณพ่อแม่
ดังที่เราเคยได้ยินคำบรรพบุรุษที่สั่งสอนกันมายาวนานว่า
“ก่อนตายขอให้แม่ได้เกาะชายผ้าเหลืองลูกขึ้นสวรรค์”
ได้แสวงหาคำตอบของชีวิต
“เกิดมาทำไม ตายแล้วไปไหน อะไรคือความสำเร็จที่แท้จริงของชีวิต”
การบวชของเราจะต่ออายุพระพุทธศาสนา บุญจะส่งผลให้เรามีอายุยืนยาว
หากมีใจจะบวชพิทักษ์ปกป้องฟื้นฟูพระศาสนา
บุญก็จะประคับประคองปกป้องคุ้มครองชีวิตของเรา
ให้อยู่รอดปลอดภัยในเส้นทางการสร้างบารมี
ถ้าบวชด้วยความตั้งใจ“ทำพระนิพพานให้แจ้ง” หรือบ่มเนกขัมมะบารมีให้แก่รอบ
หลวงพ่อบอกว่า
ทันทีที่สำเร็จเป็นพระ ได้บุญถึง ๖๔ กัป
แปลว่า ๖๔ กัปนี้ ปิดประตูอบายภูมิ
บุญจะหล่อเลี้ยง จะท่องเที่ยวอยู่สองภูมิ คือ มนุษย์กับเทวโลก
หากบวชแล้วไม่ลาสิขาและตั้งใจประพฤติดีประพฤติชอบจนหมดอายุขัย
อานิสงส์มากกว่านั้นเข้าไปอีก
ไม่ใช่เพียง ๖๔ กัป
แต่เป็นร้อยกัป พันกัป หมื่นกัป แสนกัปก็มี
ข้างนอกเป็นพระ เอาไป ๖๔ กัป
ถ้าข้างในเข้าถึงพระในตัวด้วย บวชสองชั้นอย่างนี้ อสงไขยอัปมานัง
ยิ่งถ้าได้ศึกษาวิชชาธรรมกายด้วย ไม่ต้องพูดถึง
โยมพ่อโยมแม่ถ้าปลื้มที่ลูกบวชได้อนิสงส์ ๓๒ กัป
แล้วถ้าลูกบวชแล้วเข้าถึงพระธรรมกายก็จะได้มากขึ้นไปอีก
องค์สมเด็จพระบรมศาสดาตรัสว่า
แม้บิดามารดาไม่ทราบถึงการบวชของลูกชาย
แต่ก็ได้อานิสงส์นั้นโดยสมบูรณ์
ผู้ชวนบวชเองก็จะได้มีส่วนในบุญทุกบุญที่ท่านทำ
บุญนี้จะไปตัดรอนวิบากกรรมกาเมให้แก่ผู้ชวน
และย่นย่อภพชาติการเกิดเป็นหญิง  หรือเพศที่ไม่บริสุทธิ์
ทำให้ผู้ชวนเข้าถึงเพศภาวะที่บริสุทธิ์บริบูรณ์
และประพฤติพรหมจรรย์ออกบวชได้โดยง่าย
สาธุชนที่อนุโมทนาหรือสนับสนุน ก็จะได้มีส่วนแห่งบุญจากการบวช
เช่น ได้บุญปิดอบายไปสวรรค์ จะได้รับความสะดวกสบายในทุกสถานที่
จะได้เกิดในร่มเงาพระพุทธศาสนา ได้มีดวงตาเห็นธรรม
สำหรับชาวพุทธทุกคน
ก็จะได้เห็นภาพธรรมยาตรา พระพันกว่ารูป

สาธุชนต้อนรับพระธรรมยาตราในแต่ละปี : คณะพระภิกษุสงฆ์ที่ผ่านการอบรมฝึกฝนบำเพ็ญตบะ มาจากการจำพรรษาที่วัดพระธรรมกาย 

เหมือนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าธรรมยาตราพร้อมภิกษุสงฆ์ไปยังเมืองเวสาลี
ได้ตักบาตร ถวายมหาสังฆทานพระเรือนพันเรือนหมื่น
เหมือนในสมัยที่พระบรมศาสดายังมีพระชนชีพ
เพื่อพระพุทธศาสนาในยุคของเรา ได้เจริญรุ่งเรืองเหมือนยุคพุทธกาล
และพระทุกรูปจะได้เป็นกำลังของพระศาสนา
ช่วยกันจรรโลงพระพุทธศาสนา ให้มั่นคงถาวรคู่โลกตลอดไป
ดังเช่นเรื่องราวของสามเณรนิโครธและพระเจ้าอโศกมหาราช
ใครจะไปคิดว่า การบิณฑบาตของสามเณรน้อยองค์หนึ่ง
จะนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนามาจนถึงยุคปัจจุบัน

สามเณรนิโครธ เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว

หลังพุทธกาลประมาณ ๓๐๐ ปี ยุคพระเจ้าอโศกมหาราช
พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ชาตินักรบ ตีเมืองขยายอาณาเขตมากมาย
วันหนึ่ง ทรงทอดพระเนตรเห็นสามเณรนิโครธอายุ ๗ ขวบบิณฑบาตผ่านพระราชวัง
ด้วยอาการสงบเสงี่ยมสง่างามของท่าน
ทำให้พระเจ้าอโศกมหาราชเกิดความประทับใจเลื่อมใสในทันที
พระองค์นิมนตร์สามเณรเข้ามาในพระราชมณเฑียร
สามเณรแสดงธรรมเรื่องความไม่ประมาท
ได้จุดประกายให้พระองค์หันมานับถือพระรัตนตรัย เป็นพุทธมามกะในที่สุด
และช่วยยอยกพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองอย่างไม่เคยปรากฏที่ไหนมาก่อน
ทรงสละพระราชทรัพย์ถึง ๙๖ โกฏิ สร้างวิหาร ๘๔,๐๐๐ หลัง
ทรงสถาปนาสังเวชนียสถานทั้ง ๔ แห่ง
กลายเป็นสถานที่สำคัญของโลก เป็นศูนย์รวมใจชาวพุทธ
เป็นพยานวัตถุยืนยันของการมีอยู่ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
และยืนยันเนื้อหาเรื่องราวในพระไตรปิฎกว่าเป็นความจริง
ทรงส่งสมณทูต ๙ สาย เผยแผ่พระศาสนาไปทั่วโลก
รวมถึงบริเวณดินแดนของประเทศไทยในปัจจุบัน

คณะสงฆ์ธรรมยาตรา ได้ถ่ายรูปหมู่ที่ อนุสรณ์สถานบางนางแท่น

หลวงพ่อบอกว่า
“อานุภาพของผู้ได้ชื่อว่าเป็นสมณะแท้นั้น
สามารถเปลี่ยนแปลงจิตใจผู้ไม่ได้เลื่อมใสในพระศาสนา
ให้หันมาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึก
ผู้ที่ได้ชื่อว่าสมณะนั้น
จึงไม่ใช่เป็นเพียงแค่เอาผ้าเหลืองมาห่มคลุมกายเพียงอย่างเดียว
แต่ข้องเกี่ยวไปถึงจิตใจที่สะอาดบริสุทธิ์สงบนิ่งอยู่ภายในด้วย”
การบิณฑบาตของสามเณรนิโครธในครั้งนั้น
จึงเปรียบเหมือนเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว

ภาพประกอบการเด็กดอกไม้ สิ่งสวยงามทำให้เกิดผลยิ่งใหญ่

การที่เราเป็นกัลยาณมิตรเปลี่ยนคนมิจฉาทิฏฐิให้เป็นสัมมาทิฏฐิ
เปลี่ยนชาวพุทธในทะเบียนบ้านมาเป็นพุทธมามกะผู้รักในการประพฤติปฏิบัติธรรม
เปลี่ยนคนธรรมดามาบวชเป็นสมณะ
เป็นการยกฐานะจากผู้นับถือพระรัตนตรัย
ขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของพระรัตนตรัย ที่มนุษย์เทวดากราบไหว้
เป็นผู้ฝึกตน ประพฤติธรรม
เป็นตัวแทนพระบรมศาสดา
เป็นผู้ประกาศธรรมแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
และเป็นบุคคลต้นแบบในอุดมคติของชาวโลก
ก็เป็นการเดินรอยตามอย่างสามเณรนิโครธ พระอริยเจ้าและพระโพธิสัตว์ในอดีต
การเป็นกัลยาณมิตรของเราและการบวชของใครซักคน
อาจเป็นการเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาวอีกครั้งก็ได้

แปลงดอกไม้ทรัพย์บานชื่น สาธุชนร่วมกิจกรรมการเก็บ เพื่อเตรียมในการต้อนรับพระธรรมยาตรากว่า 1,000 รูป

คำจากคุณครูไม่ใหญ่ในรายการธรรมะเพื่อประชาชนตอนหนึ่งกล่าวว่า
“มาในยุคสมัยนี้ ก็เป็นอีกยุคสมัยหนึ่ง
ที่พวกเราทุกคนกำลังช่วยกันจรรโลงพระพุทธศาสนาให้สืบทอดยาวนานต่อไป
ให้เป็นที่พึ่งแก่มวลมนุษยชาติ
พวกเราจะเป็นผู้มีส่วนอย่างสำคัญในการที่จะยอยกพระพุทธศาสนา
เป็นกัลยาณมิตรให้ชาวโลกได้หันมาประพฤติปฏิบัติธรรม
แล้วสันติภาพที่ทุกคนใฝ่ฝันหาก็จะบังเกิดขึ้นในยุคของพวกเรา
เพราะฉะนั้น ต่อแต่นี้ไป
ให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของตนเองว่า
เราคือผู้สืบทอดอายุพระศาสนา

เราคือผู้พิทักษ์รักษาพระพุทธศาสนา
และหมั่นประพฤติปฏิบัติธรรมให้เต็มที่
ฝึกฝนใจให้หยุดนิ่งให้เข้าถึงพระธรรมกายภายใน
จะได้เป็นพยานยืนยันผลของการเข้าถึงสันติสุขภายใน
อีกทั้งเป็นทนายแก้ต่างให้กับพระพุทธศาสนาอีกด้วย”

ขอเรียนเชิญ ผู้ชายแมน ๆ ทุกท่าน มาบวชเรียนเพื่อศึกษาธรรมะของพระพุทธเจ้า : และกราบอนุโมทนาบุญพุทธบริษัททุกท่านในการนำลูกหลานมาบวชเรียนในพระพุทธศาสนา นับว่าท่าน เป็นญาติกับพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง

ที่มาภาพและเนื้อหา

คิดอย่างไรกับเรื่องนี้