มีบทความทางการแพทย์ฉบับหนึ่ง ได้รับการตีพิมพ์ เมื่อ ๒๖ ธค. ๒๕๖๒ ที่ผ่านมา
เป็นบทความที่ยืนยันพุทธบัญญัติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เกี่ยวกับช่วงเวลาของการฉันภัตตาหารของพระสงฆ์

ชื่อบทความนี้คือ Effects of Intermittent Fasting on Health, Aging, and Disease หรือผลของการจำกัดเวลาการทานอาหาร (Intermittent Fasting) ต่อสุขภาพ การชะลอวัย และโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ
เป็นบทความที่ได้รวบรวมผลงานวิจัยเกี่ยวกับการจำกัดเวลาการทานอาหาร
บทความทางการแพทย์นี้ เขียนโดย Dr. Dan Longo
Dr. Dan Longo เป็นนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งที่มีชื่อเสียง และเป็นบรรณาธิการหนังสือ Harrison’s Principles of Internal Medicine ซึ่งเป็นตำราหลักของนักศึกษาแพทย์ที่ทุกคนต้องทำความเข้าใจ เป็นหนังสือที่ใช้อ้างอิง ใช้ในการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัย
บทความนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร
New England Journal of Medicine หรือ N Engl j Med
บทความที่ได้ตีพิมพ์ในวารสารนี้มักจะได้รับการยอมรับจากวงการแพทย์
ทางด้านอายุรกรรม ก็คือแพทย์ที่รักษาโรคโดยการใช้ยาต่างๆ
ความหมายของ Intermittent Fasting (IF)
Intermittent Fasting (IF) คือการกินอาหารโดยจำกัดเวลารับประทานอาหารเป็นช่วงเวลา คือ ช่วงอด(fasting) และ ช่วงกิน(feeding) เช่น ช่วงเวลาทานอาหาร ๘ ชั่วโมง เว้นจากอาหาร ๑๖ ชั่วโมง
รูปแบบของช่วงเวลา IF คือ ช่วงเวลาอด สามารถดื่มน้ำเปล่า ชา กาแฟดำ เครื่องดื่มแคลอรี่ต่ำ
ช่วงเวลาในการกิน คือ การกินอาหารที่มีประโยชน์ครบ ๕ หมู่ ที่เป็นประโยชน์ในปริมาณที่ร่างกายต้องการ
ส่วนการฉันภัตตาหารของพระภิกษุสงฆ์ คือ ๖/๑๘ หมายความว่า พระสงฆ์มีช่วงของการฉันภัตตาหาร ๖ ชั่วโมง เว้นจากอาหาร ๑๘ ชั่วโมง เป็นหนึ่งในรูปแบบIFซึ่งมีหลายวิธี

วิธีการทำ IF มีหลายวิธี ได้แก่
๑. การอดอาหาร ๑๖ ชั่วโมง กินอาหาร ๘ ชั่วโมง เรียกว่า ๑๖/๘
๒. Fasts ๕ หมายถึง อดอาหาร ๑๙ ชั่วโมง กินอาหาร ๕ ชั่วโมง
๓. Eat Stop Eat หมายถึง อดอาหาร ๒๔ ชั่วโมง อด ๑-๒ ครั้งต่อสัปดาห์ ช่วงที่อดให้ทานอาหารที่มีปริมาณแคลอรี่ต่ำได้
๔. ๕:๒ หมายถึง ใน ๒๔ ชั่วโมง อดอาหาร ๒ วัน อีก ๕ วันกินอาหาร
๕. Worrior Diet หมายถึง อด ๒๔ ชั่วโมง ๒ ครั้ง/สัปดาห์ อด ๒๐ ชั่วโมง และกิน ๔ ชั่วโมง หรือกินมื้อใหญ่มือเดียวนั่นเอง โดยจะเน้นกินเป็นโปรตีนและผักสด ส่วนในช่วงอดสามารถกินดื่มหรือกินอาหารที่มีแคลอรีต่ำ ๆ
๖. ADF (Alternate Day Fasting) : คือการอดอาหารแบบวันเว้นวัน ซึ่งวิธีค่อนข้างฮาร์ดคอร์ที่สุด เพราะต้องอดอาหาร ๑ วัน กินอาหาร ๑ วัน แล้วกลับมาอดอีกหนึ่งวัน โดยวันที่อดสามารถกินอาหารแคลอรีต่ำในปริมาณน้อย ๆ ได้

การสลับเมตาบอลิซึม หรือสลับการใช้พลังงานระหว่างน้ำตาลและไขมัน
หลังการรับประทานอาหาร ร่างกายจะมีการใช้กลูโคสเป็นพลังงานอันดับแรก
ส่วนไขมัน ร่างกายจะเก็บเอาไว้ในเซลล์ไขมันในรูปแบบไตรกลีเซอไรด์
ไตรกลีเซอไรด์ประกอบด้วย กลีเซอรอลและกรดไขมันอิสระ ๓ ตัว
พบว่าหลังจากการทานอาหารคำสุดท้าย ๘-๑๒ ชั่วโมง ร่างกายจะเริ่มมีการสลับการใช้พลังงานจากน้ำตาลไปใช้ไขมันที่เราสะสมไว้ ด้วยการสลายไตรกลีเซอไรด์ออกมาเป็นกรดไขมันอิสระและกลีเซอรอล
ตับจะนำกลีเซอรอลไปสร้างเป็นน้ำตาลขึ้นมาใหม่ เป็นการสร้างน้ำตาลจากไขมัน ส่งผลให้ร่างกายไม่ขาดน้ำตาล
ตับจะเปลี่ยนกรดไขมันอิสระเป็นสารคีโตน และไขมันอิสระส่วนหนึ่งถูกใช้เป็นพลังงาน
และระดับคีโตนในเลือดจะสูงขึ้นถึง ๒-๕ มิลลิโมลต่อลิตร ภายใน ๒๔ ชั่วโมง
ในกรณีนี้ ร่างกายสามารถนำสารคีโตนที่เกิดขึ้นไปใช้งานได้ ซึ่งต่างจากการเกิดสารคีโตนในคนเป็นโรคเบาหวาน ที่ร่างกายนำไปใช้งานไม่ได้ เพราะน้ำตาลในเลือดสูง ทำให้เลือดเป็นกรด
สารคีโตนสามารถใช้เป็นพลังงานและยังเป็นตัวสื่อสัญญาณไปยังยีนหรือ DNA เพื่อควบคุมการทำงานของเซลล์ในร่างกาย
อวัยวะที่ใช้คีโตนเป็นพลังงานมากที่สุดคือสมอง
เมื่อเข้าสู่ช่วงเวลารับสารอาหารในอีกวันหนึ่ง ร่างกายก็กลับมาใช้กลูโคสเป็นพลังงานอีก เป็นการสลับการเผาผลาญแหล่งพลังงานในร่างกาย

สารคีโตนกับการซ่อมเซลล์และการกำจัดของเสียในเซลล์
ยีน จะมีการปรับตัวอยู่ ๒ รูปแบบ
ช่วงเวลาที่รับประทานอาหาร สารอาหารที่เข้าไปจะกระตุ้นยีนหรือ DNA ให้ปรับเข้าสู่ภาวะการสร้างเซลล์ เพิ่มเซลล์ แบ่งเซลล์ ขยายขนาดเซลล์ แต่ก็จะทำให้มีของเสียในเซลล์จากการสร้างเซลล์เกิดขึ้น (ส่วนใหญ่เป็นคราบโปรตีนกับอนุมูลอิสระ)
เมื่อร่างกายเข้าสู่ภาวะการเว้นอาหาร ( หลังอาหาร ๘-๑๒ ชั่วโมง) สารคีโตนสูงขึ้น สารคีโตนจะเป็นตัวส่งสัญญานกระตุ้นให้ยีน หรือ ดีเอ็นเอ ให้ปรับตัวสู่โหมดซ่อมแซมเซลล์ และกำจัดของเสียในเซลล์ออกไปเพื่อรอช่วงเวลาที่มีสารอาหารเข้าไปใหม่ เป็นการดีทอกซ์เซลล์เพื่อยืดชีวิตเซลล์ ทำให้เซลล์มีความแข็งแรง ทนต่อความเครียดมากขึ้น ระบบต่อต้านอนุมูลอิสระจะดีมากขึ้น และ DNA ที่เสียหายจะได้รับการซ่อมแซมได้ในอัตราที่เร็วเพิ่มมากขึ้น
ในระยะยาวเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายมีความอดทน ท้าทายต่อสิ่งที่มากระตุ้นมากขึ้น เพื่อพัฒนาร่างกายของเราให้แข็งแรงยิ่งๆขึ้นไป
จากการศึกษาในกลุ่มของนักกีฬาพบว่าการจำกัดเวลาทานอาหารทำให้ร่างกายมีความอดทนต่อการออกกำลังกายดีขึ้น
สารคีโตนทำให้ป้องกันโรคความจำเสื่อมได้อย่างไร
ในคนที่ทานอาหารมากเกินไป จะมีคราบโปรตีนที่เกิดขึ้นในเซลล์สมอง เป็นของเสียในเซลล์ระบบประสาท
ซึ่งส่งผลให้เซลล์ระบบประสาทในสมองเสื่อมลง และเป็นสาเหตุของโรคสมองเช่น อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน และโรคที่มีผลต่อการเคลื่อนไหว
สารคีโตนที่เกิดขึ้นจะไปกระตุ้นให้เซลล์สมองสร้างสารสมอง BDNF (brain-derived neurotrophic factor) เป็นสารที่ซ่อมแซมเซลล์สมอง และกำจัดของเสียออก
จากการวิจัยพบว่าการจำกัดเวลาทานอาหาร ทำให้คนอ้วนที่มีปัญหาเรื่องความจำ มีความจำดีขึ้น
การจำกัดเวลาทานอาหารช่วยเรื่องเบาหวานได้อย่างไร
มีการศึกษากับมนุษย์ว่า การจำกัดเวลาทานอาหารทำให้คนที่กำลังเป็นโรคเบาหวานหรือเป็นเบาหวานชนิดที่ ๒ ร่างกายมีการตอบสนองต่ออินซูลินดีขึ้น ภาวะการดื้ออินซูลินดีขึ้น มี ๒ การศึกษาใหม่ที่ยืนยันว่า สามารถย้อนกระบวนการและทำให้คุณหายจากเบาหวานได้ (Reverse insulin resistance in patients)
การจำกัดเวลาทานอาหารช่วยเรื่องโรคหัวใจกับหลอดเลือดได้อย่างไร
มีการศึกษาทั้งกับสัตว์ทดลองและมนุษย์ พบว่าการจำกัดเวลาทานอาหารทำให้ตัวชี้วัดในเรื่องโรคหัวใจดีขึ้น เช่น ลดค่าความดันเลือด ค่าอัตราการเต้นของหัวใจในขณะพัก ค่าระดับไขมันในเลือด ระดับ HDL ระดับไตรกลีเซอไรด์ ระดับกลูโคส ค่าระดับอินซูลินในเลือดและการดื้ออินซูลิน ยังช่วยให้ระบบประสาทอัตโนมัติทำงานได้ดีมากขึ้น หัวใจบีบตัวได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น
และยังพบว่าการอักเสบกับการเกิดอนุมูลอิสระในร่างกายมีค่าลดลง
ซึ่งการอักเสบกับการเกิดอนุมูลอิสระ สัมพันธ์กับการอุดตันของเส้นเลือด ดังนั้นการจำกัดเวลาทานอาหาร จึงเป็นการลดการอักเสบ และลดการอุดตันของหลอดเลือด ซึ่งทำให้ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดลดลง
การจำกัดเวลาทานอาหารมีผลต่อโรคมะเร็งอย่างไร
ช่วงที่มีคีโตนเกิดขึ้น และร่างกายไม่ได้รับสารอาหาร ทำให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะ Autophagy เป็นช่วงเวลาที่ DNA ส่งสัญญาณให้ร่างกายลดการแบ่งเซลล์ ขยายขนาดเซลล์
มีการศึกษาในสัตว์ทดลอง การจำกัดเวลาทานอาหารสามารถป้องกันการเกิดมะเร็งใหม่ได้ ทำให้เซลล์มะเร็งที่เกิดขึ้นแล้วลดขนาดลงได้
ทำให้เซลล์มะเร็งมีการตอบสนองต่อการทำคีโมได้ดีขึ้น หมายความว่าทำให้เซลล์มะเร็งถูกฆ่าจากการทำคีโมได้ดีขึ้น
เพียงแต่การศึกษาในมนุษย์ยังเป็นลักษณะของ Case study เป็นรายงานของคนไข้เป็นรายๆ พบว่าบางรายมีการหยุดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
การจำกัดเวลาทานอาหารมีผลต่อการฟื้นฟูจากการผ่าตัด
จากการศึกษาในมนุษย์ คนที่จำกัดเวลาทานอาหารก่อนผ่าตัดหรือได้รับการบาดเจ็บ ๒ สัปดาห์ พบว่าร่างกายสามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่าปกติ และเนื้อเยื่อจะถูกทำลายจากการผ่าตัดหรือมีการบาดเจ็บน้อยลง
จากการศึกษาในสัตว์ทดลอง การจำกัดเวลาทานอาหารเป็นการป้องกันการบาดเจ็บของสมอง ของหัวใจ และของไตได้เมื่อเกิดภาวะการขาดเลือด เพราะร่างกายมีความสามารถในการทนต่อการขาดเลือดได้ดีกว่าเดิม
ดังนั้นเมื่อเกิดความเจ็บป่วยอะไรก็ตามที่ทำให้อวัยวะขาดเลือด
อวัยวะเหล่านี้จะสามารถทนต่อการขาดเลือดได้นานกว่าเดิม
การจำกัดเวลาทานอาหารมีผลต่อการเพิ่มอายุขัย
พบว่าการจำกัดอาหารและงดอาหารเป็นระยะทำให้หนูทดลองมีอายุเพิ่มขึ้น ๔๕% ส่วนการยืดอายุในมนุษย์ยังไม่มีข้อมูลเป็นตัวเลข แต่การทำให้สุขภาพด้านต่างๆดีขึ้น มีงานวิจัยและการศึกษาในมนุษย์รองรับค่อนข้างชัดเจน
.จากพุทธบัญญัติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อกว่า ๒๕๐๐ ปีที่ผ่านมาที่ให้ชาวพุทธ พระภิกษุ สามเณร บริโภคอาหารเพียง ๒ มื้อ คือมื้อเช้าหลังพระอาทิตย์ขึ้นและมื้อเพลก่อนเที่ยง
จากการอธิบายทางการแพทย์
เราก็จะไม่ได้รับอาหารส่วนเกิน
ทำให้ร่างกายได้ใช้ไขมันสะสมไว้
ทำให้ร่างกายได้ซ่อมแซมเซลล์ที่สึกหรอและได้กำจัดของเสียออกจากเซลล์
และเมื่อได้รับอาหารอีกครั้ง จะเป็นการสร้างเซลล์ใหม่ที่มีประสิทธิภาพ
มีข้อที่น่าสังเกตุว่าพระหลายๆรูปแม้สูงวัย แต่เสียงยังไพเราะน่าฟัง ความจำดี เทศนาได้เป็นชั่วโมงโดยไม่ติดขัดหรือหยุดพัก

พระธุดงค์ฉันมื้อเดียว แต่สามารถแบกกลดเดินป่า สามารถบิณฑบาตได้ทุกวันระยะทางไกลๆหลายกิโลเมตร
ก็อาจเกิดจากผลดีของพุทธบัญญัติที่จำกัดเวลาการฉันภัตตาหาร
บทความทางการแพทย์ฉบับนี้ เป็นเพียงการยืนยันวัตรปฎิบัติการฉันภัตตาหาร การบริโภค ๒ มื้อว่า ไม่ใช่เรื่องผิดธรรมชาติ แต่เป็นเรื่องปกติ มีผลดีต่อสุขภาพ และสามารถใช้ได้กับคนทุกวัย
แต่การจะมีอายุที่ยืนยาวโดยปราศจากโรคยังขึ้นอยู่กับการได้รับสารอาหารในแต่ละมื้อที่ได้สัดส่วนและครบถ้วนด้วย

- ชมภาพสรุปบทความ IF
- หมายเหตุ ผู้เขียนไม่ใช่แพทย์ แต่นำความรู้จากบทความทางการแพทย์ที่ได้ตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์มาแบ่งปัน
download บทความเต็มEffects of Intermittent Fasting on Health, Aging, and Disease ได้ที่นี่ - ขอบคุณรูปภาพจาก ภาพ ดี ๆ ๐๗๒ ช่วงถวายภัตตาหาร และ เว็บการกินอาหารแบบIF
-
พุทธบัญญัติการฉันอาหาร มีในพระวินัยปิฎกเล่ม ๒ หมวด มหาวรรค บทที่ ๖. เภสัชชขันธกะ ว่าด้วยเรื่องเวลาการฉัน(กาลิก อาหารตามกำหนดเวลาของพระภิกษุ) และหมวดวิกาลโภชนา ข้อที่ ๒๔๗ หน้า ๔๐๔
รีวิวบทความภาษาไทยโดยนายแพทย์ธนศักดิ์ ยิ้มเกิด