สรุปประเด็นที่หลวงพ่อทัตตชีโวให้โอวาทในงานบุญอาทิตย์ต้นเดือน 3 ตุลาคม 2564
ตอนที่ 1/2
“เมื่อเกิดมาสร้างบารมีก็ต้องมีอุปสรรคเป็นธรรมดา ถ้าจะปล่อยเรื่อยไปชีวิตคงไม่ได้อะไร
วันนี้จึงขอถือโอกาสทบทวนเหตุการณ์ต่างๆให้เราฟังอีกสักครั้งหนึ่ง ซึ่งก็เคยพูดกับพวกเรามาหลายครั้ง ณ ตรงนี้ “
สาเหตุที่ทำให้มนุษย์ล้มตายจำนวนมาก
ต้นพุทธกาล มีนักปราชญ์บัณฑิตทูลถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า
ทำไมเมื่อก่อนนี้โลกของเรามีมนุษย์จำนวนมากมายนัก
มากจนกระทั่ง หลังคาบ้านอยู่ติดกันทั้งโลก ใกล้ชิดกันขนาดไก่บินไม่ตกเลย
“ไก่บ้านมันบินไม่ได้ไกลหรอก จากหลังคาหนึ่งไปอีกหลังคาหนึ่ง
ทั้งแผ่นดิน บินจากบ้านไปอีกบ้าน ไม่มีตกหลังคาเลย
แสดงว่าคนในโลกนี้แน่นเหลือเกิน
แต่ว่า ทำไมตอนนี้มนุษย์หายไปไหนหมด”
“พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตอบดีมากเลย ใครอ่านแล้วอาจจะรู้สึกว่าไม่ได้อะไร แต่ว่าหลวงพ่อพออ่านปุ๊บ..ได้เลย
เพราะมันเข้ากับเหตุการณ์ที่ตอนหลวงพ่อเกิด และเหตุการณ์เมื่อเริ่มสร้างวัด”
“พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ตอบว่า ที่คนมันหายไปตั้งครึ่งค่อนโลกก็เพราะว่า
พอคนมันมากเข้า ถ้าคนในโลกยุคไหนไม่อบรมกันให้ดี ต่างคนต่างเอาตามใจตัวเอง ความโลภมันจะแพร่ขยายหุ้มใจมนุษย์
แต่ละคนเห็นแต่จะได้ เรื่องแบ่งปันให้ใครไม่ต้องมาพูดกันเลย มันมีแต่จะเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว
เป็นทั้งระดับรากหญ้า เป็นทั้งระดับกลาง ระดับบน กี่ระดับๆก็มีความโลภห่อหุ้มใจ
พูดกันอีกที มันโกงกันทั้งโลก
ด้วยความโลภทุกระดับนั้นเอง ไม่มีใครจะคิดเผื่อแผ่ใคร ก็เลยต้องเอาอาวุธมาแจกกัน คือ ทำสงคราม ก็เลยได้เลือดได้เนื้อมาแจกกัน ฆ่ากันตายเป็นเบือ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น”
“ไม่มีผีสางนางไม้จากที่ไหนมาทำให้ตาย แต่มนุษย์มันโลภจัด มันไม่ได้ฝึกตัว มันไม่ได้สนใจคำสอนของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆโน้น มันก็เลยฆ่ากัน
เพราะฉะนั้นคนก็ตายไปเยอะแยะเลย”
“พ้นการเข่นฆ่าทำสงครามกันแล้ว มันน่าจะจบ แต่ยังไม่จบ
ก็เพราะทำสงคราม สิ่งที่ตามมาอีกระรอกหนึ่งก็คือทุพภิกขภัย คือเกิดข้าวยากหมากแพง
ซึ่งถ้าใครไม่เคยเห็นสงคราม ไม่ได้เกิดในยุคสงครามจะไม่เข้าใจ
แต่ว่าถ้าดูหนังสงครามในยุคนี้ หรือเหตุการณ์ประเทศต่างๆ
อย่างเมื่อไม่กี่วันนี้ ประเทศที่รบเก่งๆเขารบกัน พอรบกันเสร็จความแห้งแล้งจะเกิดขึ้นเอง
เพราะเวลารบกันนั้น หลวงพ่อเห็นว่าตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 มันเป็นอย่างไร”
“หลวงพ่อเกิดในปี พ.ศ. 2483
พอในปี พ.ศ. 2484 สงครามโลกเข้ามาสู่ประเทศไทย ระเบิดลงตูมเป็นว่าเล่น
สิ่งที่ตามมากับระเบิดหรือการยิงกันอย่างไม่มียั้งมือคือ ความอดอยาก
เพราะข้าวในทุ่งนาสุดลูกตา เหลืองๆกำลังจะเกี่ยวได้อยู่แล้ว
ระเบิดลงตูมเดียวเท่านั้นแหละ ทุ่งนาระยะเป็นร้อยกิโลไฟไหม้ คิดดูว่าจะเป็นอย่างไร
ฉะนั้นความอดอยากตามมาทันทีเลย
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สภาพอดอยากได้ครอบคลุมโลกอยู่ระยะหนึ่งทีเดียว”
“สิ่งที่หลวงพ่อเห็นคือ สงครามเมื่อไหร่ มันจะตามมาด้วยความอดอยากยากจน
น้ำที่เคยมีกิน..อย่าหวัง ท่อประปาที่เคยวางเอาไว้ถูกระเบิดพังไปหมด
ไม่ว่าอะไรที่ดีๆพังไปหมด”
“ยังจำได้ ตอนเย็นไปอาบน้ำในแม่น้ำแม่กรอง
ลงไปอาบน้ำ มันมีศพลอยมาเป็นแพเลย
ต้องรอให้ศพมันผ่านไปก่อน แล้วเราถึงลงไปอาบน้ำได้
ทำไมไม่ไปอาบที่อื่น? ก็จะไปอาบที่ไหนหละ ก๊อกพังไปหมดแล้ว น้ำประปาไม่ต้องพูดกัน”
“บางครั้งศพเจ้ากรรมมันลอยมาติดฝั่งติดตลิ่ง แม้เป็นเด็กๆยังต้องช่วยกันเอาไม้เขี่ยให้ศพลอยไป ไม่มีปัญญาลากมันขึ้นมา
เราเด็กๆถ้าลากขึ้นมาแล้วไม่รู้จะทำอย่างไร เผาก็ไม่เป็น เอาขึ้นมาก็เน่าอยู่บนฝั่ง ก็ผลัดมันลอยไปอีก ไม่รู้ว่าไปสุดที่ไหน”
เพราะฉะนั้นน้ำก็ขาดแคลนทั้งๆที่แม่น้ำก็ยังมีอยู่ เพราะศพมันเน่าลอยกันมาเป็นแพ
ข้าวเต็มทุ่ง ระเบิดลงมาตูม ทุ่งข้าวเป็นสิบๆร้อยๆกิโล ควันโขมงท่วมฟ้าท่วมโลกเลย ในความรู้สึกของเด็กในตอนนั้น ไฟมันท่วมโลกเลย
เพราะฉะนั้นอาหารขาดแคลน น้ำขาดแคลน อย่างอื่นไม่ต้องพูดกัน
บ้านปรักหักพังหมด
นี่คือสภาพความอดอยากที่ตามมาจากสงคราม”
“ซึ่งคนมองว่านี่คือภัยสงคราม
แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้ากลับไม่ได้มองอย่างนั้น ท่านบอกว่า นี่คือภัยแห่งความโลภ”
“และก็อยากฝากเป็นข้อคิด
ไม่ว่าเกิดกรณีพิพาทเรื่องใดๆก็ตามทีในโลกมนุษย์นี้
ขั้นต้นหนีไม่พ้น ความโลภ ความเห็นแก่ได้ของแต่ละคน
แล้วก็พัฒนาไปเป็นความโลภความเห็นแก่ได้ของกลุ่มคน ของเมืองนั้น แล้วก็เลยกลายเป็นของประเทศนั้นก็มี”
“อย่างตอนนี้ ถ้าเราติดตามข่าวบ้านเมืองก็จะพบว่า มันเริ่มจะมีการพิพาทเป็นเจ้าของทะเลเจ้าของมหาสมุทร
มีการทวงสิทธิ์กันในมหาสมุทรในน่านน้ำ
น่านน้ำของฉัน ความจริงไม่มีใครเป็นคนสร้าง
ทะเลมหาสมุทรไม่มีใครเป็นคนสร้าง
แล้วเมื่อขึ้นเครื่องบินไปกลางอากาศ แล้วมองลงมาในทะเลในมหาสมุทรก็ไม่เห็นมีขอบเขตเลยนะว่า มีเส้นกั้นเขตแดนอยู่ตรงไหน
ตอนนี้ก็มีบางประเทศเตรียมเรือรบมาลอยลำ
ก็จะมองกันว่าพิพาทเรื่องดินแดนกันอย่างนั้นอย่างนี้
ถามว่าทำไม อ๋อ ใต้ทะเลบริเวณนั้นมีทรัพยากรเยอะ มีน้ำมัน มีแก๊ส
ถ้าจะมองก็มองแค่นี้ พิพาทในเรื่องของทรัพยากรใต้ทะเล
แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้มองอย่างนั้น นี่หรอ..โลภจัด
ถ้าแบ่งกันใช้ เอาที่อยู่ในทะเลมาปันกันใช้ก็คงไม่ต้องพิพาท นี่คือระดับประเทศ”
“ระดับชาวบ้านก็พอกัน ร้านใกล้ๆเคียงกัน ยิ่งอาชีพเดียวกัน เดี๋ยวก็ทะเลาะกันแล้ว แย่งลูกค้ากัน
มองว่าแย่งลูกค้า..แต่ไม่ใช่หรอก มองลึกไปอีก ก็โลภนั่นแหละ ไม่คิดจะแบ่งปันกันกิน”
“เพราะฉะนั้นเวลามองอะไร อยากจะฝากในขั้นต้น ว่ามองเข้าไปให้ถึงต้นเหตุจริงๆกันหน่อยว่าเป็นเพราะอะไร
สงครามนั่นหรอ..โลภ ใครโลภก็แล้วแต่ แล้วแก้อย่างไร ก็ปันกันกิน ปันกันใช้ปันกันอยู่สิ
ในระดับชาวบ้านก็เช่นกัน ค้าขายชนิดเดียวกัน ของชนิดเดียวกันขายร้านติดๆกัน ตกลงราคากันให้ดี แล้วต่างคนก็ต่างขายของตัวเองกันไป ปันกันกินปันกันใช้
ใครมีฝีมือดี รู้จักปันกัน”
“โยมแม่มีความสามารถในเรื่องของการทำขนม แต่ไม่ใช่ขนมทุกอย่าง มีอยู่ 2-3 อย่าง
เมื่อถึงเวลาขาย ตอนเช้าก็มาขายพร้อมๆกัน
ปรากฏว่าลูกค้าของโยมแม่เยอะ ถึงกับใช้คำว่า ขนมชนิดนี้ของแม่
ถ้าของแม่ยังไม่หมดละก็ ร้านอื่นเจ้าอื่นไม่ต้องขาย ต้องรอของแม่หมดก่อน
เพราะว่าขนมชนิดนี้ ฝีมือของโยมแม่เจ๋งจริงๆ
คนอื่นเขาก็เจ๋ง แต่เป็นขนมชนิดอื่น
โยมแม่บอกว่า มันก็หากินเลี้ยงลูกเลี้ยงเต้าของมัน เราก็หากินเลี้ยงคนในครอบครัวของเรา..เอาแค่นี้พอ
รู้จักกันทั้งนั้น เหมือนญาติกันทั้งนั้น ให้เขาได้ขายบ้าง เอาแค่นี้พอ
แล้วเราก็ไปทำอย่างอื่นเสริมขึ้นมาด้วย โยมแม่ก็เลยเป็นที่รักของแม่ค้าขนมที่ขายอยู่ใกล้เคียงกัน
ก็เป็นสิ่งที่โยมแม่ทำมาตั้งแต่เล็ก”
“พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ตรัสตอบไป ที่คนมันลดลงไปจากโลกนี้เพราะว่า
1. มันเกิดสงคราม
2. สิ้นสงครามแล้วมันตามมาด้วยข้าวยากหมากแพงทุพภิกขภัย เพราะว่าดินฟ้าอากาศทั้งหลายแหล่แปลเปลี่ยนหมด
3. และสุดท้ายมันก็ตามมาด้วยโรคระบาด”
“ในพระไตรปิฎกใช้คำว่า ยักษ์มันปล่อยอมนุษย์
“พอโลภมากนัก ยิ่งทุพภิกขภัยมา ต่างคนต่างยิ่งเห็นแก่ตัวหนักเข้าไปอีก
ไม่มีสงคราม แต่กลัวอดกลัวอยาก
ความเห็นอกเห็นใจก็น้อยลงไปอีก ทั้งๆที่ก็ตายไปเยอะแล้ว
แล้วในด้านสุขอนามัย ไม่มีใครเห็นแก่ความสะอาดส่วนรวม ไม่มองถึงความเป็นระเบียบของส่วนรวม
เพราะฉะนั้น ความสกปรก ความไร้ระเบียบก็เลยเกิดขึ้นแพร่หนักเข้าไปอีก
“พระองค์ก็ใช้คำว่า อมนุษย์
อมนุษย์ก็คือไม่ใช่มนุษย์
ผีสางนางไม้ก็ไม่ใช่มนุษย์
ไวรัสมันก็ไม่ใช่มนุษย์”
“โรคระบาดในโลกของเรานี้มีหลายครั้งในประวัติศาสตร์
ตั้งแต่โรคฝีดาษเคยระบาดอย่างหนักมาแล้ว ก็เลยทำให้มีการทำวัคซีนแก้ไขทรพิษ
โรคกาฬโรค เกิดมาจากหนู หมัดหนู
ที่ผ่านมาก็ไข้หวัดนก แต่ไข้หวัดนกครั้งนั้นสู้โควิดครั้งนี้ไม่ได้
โควิดคือไวรัส ไวรัสนี่แหละคืออมนุษย์
ยักษ์ที่ไหนมาปล่อย .. มนุษย์ใจยักษ์
แบ่งปันกันไม่เป็น แย่งกัน แล้วมันก็เลยเป็นอย่างนี้”
ทุกปัญหาแก้ได้ด้วยธรรมวินัย
“ต้องแก้อย่างที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้
ว่าปัญหาทั้งหลาย อย่าว่าปัญหาของชาวโลก แม้ปัญหาของการคณะสงฆ์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสชัดเมื่อใกล้เสด็จดับขันธปรินิพพานว่า
พระองค์จะไม่แต่งตั้งใครเป็นศาสดาเอามาปกครองสงฆ์
ใคร..หมายถึง ไม่ตั้งคน ไม่ตั้งพระ ไม่ว่ารูปไหน จะเป็นอรหันต์หรือไม่อรหันต์..ไม่ตั้ง คนนั้นจะเป็นใคร..ไม่ตั้ง
แต่ตรัสว่า ธรรมะและวินัยที่พระองค์ตรัสดีแล้วจะปกครองการคณะสงฆ์
ให้สามารถทำงานได้
คือ ปราบมารประหารกิเลสให้กับตัวเองได้
ช่วยปราบมารประหารกิเลสให้ชาวบ้านได้
โดยการไปสอนให้ชาวบ้าน รู้จักธรรมะ รู้จักวินัย
อาศัยธรรมะและวินัยที่พระองค์ตรัสไว้ดีแล้วนี่แหละ จะช่วยปกครองสงฆ์ ไม่เท่านั้น จะช่วยปกครองพุทธบริษัทสี่
คือทั้งภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา รวมทั้งชาวโลกที่ปรารถนาจะมีความสุข ก็จงเข้ามาอยู่ในธรรมะและวินัยนี้เถอะ..แล้วจะอยู่เป็นสุข”
“ทรงสั่งเอาไว้อย่างนี้ แล้วก็ด้วยเหตุนี้ ชาวพุทธทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมา แม้ 2564 ปีมาแล้ว
ก็ยังรักษาพระพุทธศาสนาให้อยู่คู่โลกต่อมาได้”
“องค์กรที่อายุยืนที่สุดในโลก ไม่มีองค์กรใดที่อายุยืนแล้วยังมีหลักธรรมหลักวินัยชัดเจนเข้าในพระพุทธศาสนา
มีหลักฐานไหม
มี..อยู่ในพระไตรปิฎก 45 เล่ม ไปอ่านเอา มีครบหมดทุกอย่าง”
“สงฆ์จะอยู่ได้ด้วยธรรมวินัย ชาวพุทธก็จะอยู่ได้ด้วยธรรมวินัย
และคนทั้งโลกก็เช่นกัน จะอยู่ได้ด้วยธรรมวินัย
แม้โควิดที่ระบาดอยู่ขนาดนี้จะให้หมดไปต้องอาศัยธรรมวินัย”
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลและรูปภาพ
- ห้องซูม ภาคนครหลวง 6
- ช่อง GBN LIVE
- DesignCards โดย Bluedragon จากเว็บ Canva