
จากโอวาทของหลวงพ่อทัตตชีโวที่ให้ไว้เมื่อ 3 ตุลาคม 2564
ในที่สุดก็มาถึงตอนที่ 3 ตอนสุดท้าย
ตอนที่ 1 ความโลภ: ทำให้มนุษย์ฆ่ากันเอง ต้นเหตุแห่งภัยพิบัติทั้งปวง
ตอนที่ 2 คุณยายอาจารย์ ใช้สะอาดกับระเบียบ สร้างวัดพระธรรมกายด้วยเงิน 3,200 บาท
ตอนที่ 3 หลวงพ่อจะเล่าถึงมหากษัตริย์ท่านใช้ธรรมวินัยสร้างชาติไทยได้อย่างไร
รวมไปถึงเรื่องราวการประพาสต้นของรัชการที่ 5
ใช้ธรรมวินัย ต่อกรกับนักล่าอาณานิคม จนนำประเทศไทยรอดพ้นจากการล่าเมืองขึ้นได้อย่างไร
ให้เอาตัวของเราฝึกทั้งสะอาดและระเบียบ
แต่ไม่ใช่สะอาดแค่ล้างจานกวาดบ้าน ทำความสะอาดข้างนอกแล้วให้มันสะอาดเข้าไปถึงในใจ
จัดข้าวของต่างๆข้างนอกแล้วก็จัดระเบียบความคิดจัดระเบียบคำพูด
แล้วเดี๋ยวระเบียบในใจมันก็เกิดขึ้นมาด้วย
ธรรมะ วินัย = สะอาด ระเบียบ
สะอาดกับระเบียบตามธรรมวินัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ได้รักษาพระพุทธศาสนามา 2564 ปี และยังต้องใช้ต่อไป
พระองค์ไม่ได้สั่งว่า จงไปเอาท่านผู้นั้นท่านผู้นี้มาปกครอง พระองค์ท่านให้เอาพระธรรมวินัย
นี่คือสิ่งที่ค้นได้ในพระไตรปิฎก
โดยธรรมะและวินัย เมื่อมาสรุปในเชิงปฏิบัติก็คือ “สะอาดกับระเบียบ”
แม้โควิดที่เราต้องผจญกันทั้งโลกขณะนี้
การสาธารณะสุขทั่วโลกก็พูดตรงกัน ก็ต้องสะอาดกับระเบียบ
ระเบียบคือ อย่าอยู่ใกล้ชิด อย่ามั่วสุม
แล้วรักษาความสะอาดให้ดีนะ แล้วเดี๋ยวมันก็หมดไป
สะอาดกับระเบียบ หรือธรรมะกับวินัย
สิ่งเหล่านี้ถ้ามองกันให้ดี ทั้งทางโลกและทางธรรม จะอยู่กันเป็นสุข
ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว ที่ไหนมีเหตุให้วุ่นวาย ก็จงดูไว้ ก็เพราะว่าความโลภเป็นตัวตั้ง
เมื่อได้สมความปรารถนาแล้ว ความโลภมันจะขยายต่อไม่มีหยุดหรอก ..เพราะมันคือโลภ
แต่ถ้าไม่ได้มันจะโกรธ ก็ทำสงคราม แล้วกลั่นแกล้ง แล้วก็ตายอย่างที่พระองค์ว่า
เพราะฉะนั้นที่ไหนในโลกนี้ ไม่ว่าในระดับบุคคล ในระดับประเทศชาติบ้านเมือง
ในระดับลัทธิความเชื่อ ในระดับศาสนาใดศาสนาหนึ่ง ระหว่างศาสนาต่อศาสนา
ถ้าไม่สะอาดไม่ระเบียบ ก็จะเริ่มต้นด้วยเห็นแก่ผลประโยชน์ คือความโลภนำหน้า
ถ้าได้อย่างใจ..ไม่หยุดหรอก ความหลงจะตามไป
จะเอาให้หมด ไม่แบ่งกับใคร
แล้วถ้าไม่ได้อย่างใจ ก็ฆ่ากัน รบกัน แกล้งกัน
ทั้งโลกมีแค่นี้ โลภ โกรธ หลง
เพราะฉะนั้นการแก้ปัญหาใดๆที่มีอยู่ในโลก แก้ได้ทำนองเดียวกัน คือ สะอาดกับระเบียบ
กุศลกรรมบท 10: สะอาดระเบียบทางกาย วาจา ใจ
ถ้าใครได้ไปอ่านพระไตรปิฎก ในยุคที่ไม่มีพระพุทธเจ้า มีพระเจ้าจักรพรรดิปกครอง
พระเจ้าจักรพรรดิก็ปกครองด้วยพระธรรมวินัยเหมือนกัน
แต่พระธรรมวินัยยุคนั้นมีกุศลกรรมบท 10
กุศลแปลว่าฉลาด
กุศลกรรมบท 10 คือวิธีปฏิบัติ 10 ประการ ให้อยู่ในธรรมอยู่ในวินัย หรือให้อยู่ในสะอาดกับระเบียบ
กุศลหรือความฉลาด ความสะอาดความมีระเบียบทางกายมีอยู่ 3 ประการ
คือ ไม่ฆ่า ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม
ความสะอาดความเป็นระเบียบทางวาจามีอยู่ 4 ประการคือ
ไม่พูดเท็จ ไม่โกหก
ไม่พูดสอดเสียด ไม่ยุให้รำตำให้รั่ว
ไม่พูดเพ้อเจ้อ
ไม่พูดคำหยาบ
สะอาดกับระเบียบทางใจมีอีก 3 ประการคือ
ไม่คิดเพ่งเล็งอยากได้ของคนอื่น แค่คิดอยากได้ของคนอื่นก็แย่แล้ว ก็คืออย่าโลภนั่นเอง
อย่าพยาบาท ถ้าไม่ได้อย่างใจก็อย่าไปจองล้างจองผลานกัน
มีสัมมาธิถิหรือมีความเห็นถูก เห็นถูกว่าทำดีต้องได้ดี ทำชั่วต้องได้ชั่วเป็นอย่างน้อย
รวมกันแล้วเป็น 10 ข้อ
ในยุคที่ไม่มีพระสัมมาสัมพุทะเจ้า คนมีใจงามก็มี แต่เขาไม่สามารถจะเอาธรรมะ 84000 ข้อ
มาขยายความให้กับชาวโลกได้อย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เขามีปัญญาเพียงแค่ 10 ข้อ ก็สามารถทำให้โลกเป็นสุขได้
จากกุศลกรรมบท 10 ก็ตกทอดกันมาจนถึงกระทั่งยุคของพวกเรา
แล้วก็กลายมาเป็นทศพิธราชธรรม เหล่านี้เป็นต้น
ไทย..สร้างชาติด้วยธรรมวินัย
ตั้งแต่ปู่ย่าตาทวดของเราสร้างชาติไทยขึ้นมา ก็เอาธรรมวินัยมาปรับใช้
ธรรมวินัย ทั้งหมดสรุปได้เป็น สะอาดกับระเบียบ
พระมหากษัตริย์ตั้งแต่สมัยสุโขทัย พ่อขุนรามขึ้นพระแท่นมนังคศิลาบาตร..เทศเองเลย ก็สร้างสุโขทัยขึ้นมาได้
อยุธยาก็เหมือนกัน มาได้ก็ด้วยสะอาดกับระเบียบ
อยุธยาอยู่มาได้ 400 ปี
ช่วงไหนพระมหากษัตริย์ที่มีทศพิธราชธรรมเช่นเดียวกับพ่อขุนรามคำแหงขึ้นครองราช
บ้านเมืองก็เจริญ อยุธยาก็รุ่ง
ถ้าช่วงไหนไม่เข้าท่าเข้าทาง กรุงแตกถึงสองครั้ง ถ้าไม่เอาธรรมไม่เอาวินัยเป็นตัวตั้งมันก็ขึ้นๆลงๆ
ครั้งมาถึงรัตนโกสินทร์ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกปฐมบรมกษัตริย์ท่านก็เอาธรรมวินัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นตัวตั้ง
แล้วก็สร้างกรุงรัตนโกสินทร์มาจนถึงพวกเราในยุคนี้
เพราะฉะนั้นถ้าลูกหลานไทยยังรักษาธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า
เอาธรรมวินัยเป็นตัวตั้ง ไม่ว่าฝ่ายฆราวาสหรือฝ่ายสงฆ์
ปกครองดูแลกันด้วยพระธรรมวินัย หรือปกครองดูแลกันด้วยความสะอาดความเป็นระเบียบทางกายวาจาใจ
มั่นใจได้ว่า ประเทศไทยไม่ว่าจะมีวิกฤติอะไรอีกเท่าไหร่ ฝ่าไปได้ทั้งนั้นแหละ
รัชการที่ 5 ใช้ธรรมวินัย นำไทยให้รอดพ้นจากการเป็นเมืองขึ้น
เพราะเมื่อสมัยมีการล่าเมืองขึ้น บูรพมหากษัตริย์ของเรา ราชจักรีวงศ์ของเรา ก็อาศัยสิ่งเหล่านี้
ความมีพระทัยสะอาด ความมีระเบียบของพระองค์ท่านนำประชาชนฝ่าวิกฤติ
แล้วก็รักษาบ้านรักษาเมืองมาได้ถึงกระทั่งพวกเรา
อยากถือโอกาสเล่าข้อความบางอย่าง ตอนที่ประเทศไทยเจอวิกฤตสมัยราชการที่ 5
สมัยราชการที่ 5 ในย่านนี้ทั้งหมด ไม่ว่าประเทศไหนๆตกเป็นขี้ข้า ตกเป็นเมืองขึ้นเขาหมดเลย
ทางด้านทิศตะวันตกของประเทศไทย ไม่ว่าพม่า ปากีสถาน อัฟกานิสถาน บังกลาเทศ อินเดีย
อย่างอินเดียใหญ่กว่าประเทศไทยไม่รู้เท่าไหร่ ยังเป็นเมืองขึ้นอังกฤษทั้งนั้น
มองไปทางทิศใต้ของประเทศไทยก็เช่นกัน ไม่ว่ามาเลเซีย อินโดนีเซีย
มาเลเซียก็ตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ
อินโดนีเซียก็ตกเป็นเมืองขึ้นของฮอลแลนด์
ส่วนนิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย ก็คุกเก่าของอังกฤษ
ทิศตะวันออก กัมพูชา ลาว เวียดนาม ถูกฝรั่งเศสกวาดเรียบ
ข้ามไปในทะเล ฟิลิปปินส์ ก็ตกเป็นเมืองขึ้นเรียบร้อย
หลุดรอดไปได้คือญี่ปุ่น แต่ก็ร่อแร่
มองไปทางทิศเหนือของประเทศไทยคือ จีน
จีนใหญ่หน่อย ใครก็กินจีนไม่ลงเพราะมีคนเป็นพันล้าน แต่ถึงขนาดนั้น ก็ถูกเฉือนเป็นชิ้นๆ
ฮ่องกง อังกฤษขอเช่าเป็นร้อยปี
แม้แต่มาเก๊า ก็ถูกเช่าเป็นบ่อนหมด
กลางกรุงปักกิ่งเองก็ถูกเฉือนเป็นชิ้นๆ
กลางกรุงปักกิ่งถึงกับมีป้ายเขียนว่า ถนนเส้นนี้ห้ามคนจีนกับหมาเข้า
ขนาดเจ้าของประเทศยังไม่ให้เข้าเลย มีศักดิ์ศรีเท่ากับหมาเท่านั้น
เกาหลี ญี่ปุ่นก็เอาไปครอง
ตกลงว่า แถวนี้ที่รอดเหลือประเทศไทยอยู่ประเทศเดียว
อยู่ได้ด้วยอะไร อยู่ได้ด้วยพระปิยมหาราชรัชการที่ 5
ท่านเอาธรรมเอาวินัยปกครองประเทศไทย
แล้วท่านก็นำประเทศไทยฝ่าวิกฤติมาได้
ลูกหลานไทยตอนนี้อาจจะไม่รู้ว่าพระปิยมหาราชของเราท่านสู้มาอย่างไร
เพราะเดี๋ยวนี้ประวัติศาสตร์ชาติไทยไม่ค่อยได้เรียนกัน
ถูกตัดออกไปจากหลักสูตรเสียแล้ว ลูกหลานไทยจึงไม่รู้ประวัติศาสตร์
ประเทศไทยเป็นแค่ชิ้นปลามันชิ้นหนึ่ง คิดว่าจะกินเมื่อไหร่ก็ได้
ฝรั่งเศสและอังกฤษถึงกับตกลงกันแล้ว เอาแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นเกณฑ์
หันหน้าไปทางทิศใต้ ฝั่งขวาของแม่น้ำเจ้าพระยาอังกฤษเอาไป ฝั่งซ้ายของแม่น้ำเจ้าพระยาฝรั่งเศสเอาไป
ไทยตัวกระจิ๊ดเดียว ทานปืนใหญ่เขาไม่ได้หรอก แล้วอยู่มาได้อย่างไร
จะขอฝากปรีชาสามารถของราชการที่ 5 เอาไว้ให้ลูกหลานไทยทั่วโลกฟังด้วย
รัชการที่ 5 ท่านก็ใช้สะอาดกับระเบียบหรือธรรมวินัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
มาปกป้องรักษาแผ่นดินไทยและคนทั้งชาติเอาไว้ได้
ไปอ่านดูในประวัติศาสตร์
ท่านบอกว่าถึงอย่างไรทั้งฝรั่งเศสและอังกฤษไม่เอาเราไว้แน่
ท่านเคยถึงขนาดปรารภคิดจะสละราชบัลลังก์
แต่เชื้อพระวงศ์ โดยเฉพาะสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงทัดทาน บอกว่า
อย่างไรต้องไม่สละราชสมบัติ ถึงสู้ไม่ได้ก็ต้องสู้ จะเป็นอย่างไรก็เป็นกัน
เพราะว่าชื่อของเรามันชื่อว่าไทย ต้องสู้
พระองค์กับผู้ใกล้ชิดก็วางแผนสู้กันชนิดแพ่งพลายก็ไม่ได้
เวลาฝรั่งมายึดประเทศไทย อาวุธจะเป็นหมากสุดท้าย เพราะต้องใช้กำลัง
ก่อนที่เขาจะใช้อาวุธมาคุกคาม
- เขาจะเอาศาสนาของเขามาให้นับถือ
ถ้านับถือศาสนาของเขาแสดงว่ายอมแล้ว เขาก็เอาผู้นำทางศาสนาเข้ามาแล้วก็ครอบครองเลย
- แล้วก็เอาผลประโยชน์มาใส่แล้วให้คนไทยแย่งกัน
เมื่อเอาผลประโยชน์มาใส่ มันก็ต้องแย่งกัน ก็จะทะเลาะกัน
ทะเลาะกันเมื่อไหร่ ขาดความสามัคคีกันเมื่อไหร่ ฆ่ากันแล้ว ฝ่ายแพ้จะไปหาเขา
เขาก็จะได้ถือโอกาสเอากำลังเขาเข้ามา แล้วก็ตกลงกับฝ่ายแพ้ว่า ต้องให้ฉันปกครองประเทศ
ช่วยกันปกครองประเทศ
ที่บอกว่าช่วยกันปกครองประเทศ ไม่ใช่หรอก ก็ตกเป็นขี้ข้าอยู่ดี
บทสรุป
พระองค์ท่านมองออกว่า สะอาดและระเบียบหรือธรรมวินัยเท่านั้นที่จะป้องกันประเทศได้
แม้จะเป็นประเทศเล็กๆ ไม่มีอาวุธยุทธภัณฑ์อะไรเลย แต่เราจะสู้ได้
เพราะรู้หลักแล้ว ศาสนาของเขาหลักธรรมไม่แน่นเท่าศาสนาพุทธ
โดยเฉพาะตอนนั้นสมเด็จโตและพระเถระในแผ่นดินมีหลายท่านที่เป็นต้นแบบของการปกครองคณะสงฆ์
เป็นต้นแบบความประพฤติดีงามตามธรรมวินัยของคณะสงฆ์ ยังมีอยู่เต็มแผ่นดิน
เพราะฉะนั้นจะได้อาศัยพระสงฆ์เป็นต้นแบบของความสะอาดของความเป็นระเบียบในฝ่ายทางธรรม
แต่ในฝ่ายทางโลก จะปล่อยให้แตกความสามัคคีไม่ได้ เราต้องฝึก
แล้วพระองค์ก็ลงมือฝึกคนไทยให้มีวินัย
มีวินัยแล้วจะไม่โดนล่าเป็นเมืองขึ้น
พระองค์ทำอย่างไร
ฝ่ายสงฆ์ให้ควบคุมความสะอาดทางกายทางใจไว้
ฝ่ายโลกท่านจะจัดระเบียบคน
ไม่ให้คนไทยทะเลาะกันทั้งแผ่นดิน
พระองค์ท่านถึงกับบันทึกเองเอาไว้ซึ่งหลวงพ่อมีโอกาสได้อ่านลายพระหัตถ์
ตรัสว่า เราต้องซ้อมรบ
แต่การซ้อมรบของเรานั้นใช้อาวุธยุทธภัณฑ์ไม่ได้
ถ้าใช้อาวุธ เรามีน้อย สู้เขาไม่ได้อยู่แล้ว
ถ้าเอาอาวุธมาสู้นี่แพ้แน่ๆ
ดังนั้นต้องเอาวินัย เอาความมีระเบียบไปสู้
เพราะถ้าคนไทยไม่ทะเลาะกันเอง มันกินไม่ลงหรอก ตามหลักธรรมว่าอย่างนั้น
ท่านเอาพระธรรมวินัยเป็นตัวตั้ง แล้วก็เสด็จประพาททางเรือบ่อยครั้ง ที่เรียกว่าประพาสต้น
ท่านเสด็จไปทางเรือแล้วได้อะไร ได้วินัย ได้ระเบียบและความสะอาดของคนไทยทั้งสองฝั่งน้ำ
เมื่อท่านเสด็จไป ทหารตำรวจกระจายไปสองฝั่งน้ำ จัดประชาชนเพื่อมาต้อนรับท่าน
ทำให้เป็นหมวด ทำให้เป็นหมู่ ทำให้ดี
จัดกันไป แล้วก็ทำความสะอาดเพื่อต้อนรับท่าน
แต่ลึกๆคือสร้างความสามัคคีและความมีวินัยให้กับคนไทยสองฝั่งน้ำ
โดยมีตำรวจทหารเป็นต้นแบบความมีวินัยความมีระเบียบ
ไม่ได้มีทหารตำรวจไว้ทำร้ายประชาชน
ทหารตำรวจช่วยกันจัดระเบียบจัดวินัย และทำความสะอาดบ้านเรือนสองฝั่งน้ำ มีอะไรควรแก้ไขท่านก็ชี้ให้เลย
ขยันเสด็จประพาสเหลือเกิน
มีอยู่วันหนึ่ง เสนาบดีก็ประชุม แล้วก็ต่อว่าท่าน
การเสด็จประพาสอย่างนี้ สิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ แนะนำให้ไปทางบกดีกว่า
ท่านจึงแถลงในที่ประชุม ที่ฉันไปทางเรือจริงๆฉันซ้อมรบนะ เราเป็นประเทศเล็ก ถ้าให้ฝรั่งเขารู้ก็จะโดนถล่ม
เป็นการซ้อมรบแบบอริยะ ซ้อมรบแบบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่ซ้อมด้วยการรบจริง
ก็พระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช้ธรรมวินัยรบกับกิเลส
เพราะฉะนั้นรัชการที่ 5 ก็ปรับธรรมวินัยมาให้เป็นเรื่องสะอาดกับระเบียบ
มารบกับกิเลสของคนไทย ให้หันหน้ามาปรองดองกัน
สองฝั่งน้ำที่ไม่ค่อยจะลงรอยกัน กำนันตำบลนี้ ผู้ใหญ่บ้านตำบลนั้นไม่ค่อยจะลงรอยกัน
การปกครองในจังหวัดไม่ค่อยจะลงรอยกัน พ่อค้าในจังหวัดไม่ค่อยจะลงรอยกัน
แต่ถูกเกณฑ์ให้มาจัดระเบียบ ทำความสะอาด 2 ฝั่งน้ำ ทำให้ต้องช่วยกัน
กลายเป็นรวมคนไทยให้มีธรรมวินัยหรือมีความสะอาดมีความเป็นระเบียบ หรือ มีธรรมาวุธที่จะสู้ทั้งกิเลสในใจ
คือไม่ลงรอยกัน แตกก๊กแตกเหล่าแตกพรรค พอเอาธรรมาวุธเปรี้ยงเข้าไปมันจะได้ฆ่ากิเลสในใจของมันด้วย
แล้วเป็นธรรมาวุธสำหรับเชื่อมความสามัคคีของคนไทย 2 ฝั่งน้ำเพราะฉะนั้น แย่เท่าไหร่ก็ไม่แตก
ถึงกับมีจารึกของบาทหลวง ที่เคยมีส่วนที่จะมาทำให้แผ่นดินไทยแตกแยกเอาไว้ว่า
จารึกอันนี้เริ่มมีตั้งแต่สมัยพระนารายณ์มหาราช
แล้วก็ตกทอดมาจนถึงรัชการที่ 5
ท่านได้สิ่งเหล่านี้มา ท่านมองออก
จะจัดประเทศไทยว่าเป็นประเทศศิวิไลซ์ก็จัดไม่ได้
แม้แต่บ้านเรือนรั้วก็ไม่ค่อยจะมี อยู่กันกระจัดกระจาย ประชาชนก็กระจอกงอกง่อย
เพราะฉะนั้นอยากจะเรียกว่า เป็นประเทศไม่ศิวิไลซ์
แต่ว่าพูดไม่ถนัด เพราะว่า มีอยู่ 2 สิ่งที่เชิดชูได้ว่าไม่ได้น้อยหน้าชาติไหนคือ วัดกับวัง
วัดนี่งาม สองฝั่งน้ำไปดูเอาเถอะ และวัง ใช้ศิลปะฝีมือการสร้างกันสุดๆ
เพราะฉะนั้นจะว่าไม่ศิวิไลซ์ เป็นเมืองป่าเถื่อนก็พูดไม่ได้ เพราะของดีมีอยู่ที่วัดกับวัง
แต่ที่กระจอกงอกง่อยที่อยู่ 2 ฝั่งทาง เขาก็อยู่กันสบาย เพราะเอาผลประโยชน์แหย่ไปเท่าไหร่มันไม่ทะเลาะกัน
มันทำท่าจะแย่งเหมือนกัน เหมือนจะตีกัน เพราะมันไม่ลงรอยกัน
แต่เมื่อได้เงินไปแล้วมันเอาไปทำนุบำรุงวัดกับวังที่เดียวกัน
ประเทศไทยก็เลยไม่แตกกันสักที บ้านเมืองไทยจึงอยู่กันมาได้อย่างนี้
ธรรมะและวินัยได้รักษาฝ่ายสงฆ์เอาไว้มาตั้งแต่พุทธกาลจนกระทั่งถึงปัจจุบัน
และธรรมและวินัยนี้ ก็ได้รักษาประเทศไทยมาตามยุคตามสมัยที่พระมหากษัตริย์จะเอามาปรับใช้กับประชาชนของท่าน
ก็เป็นความหลังที่อยากจะฝากเอาไว้ให้กับคนไทยยุคนี้
จะทำอะไรขอให้คำนึงถึงธรรมวินัยเป็นหลัก
พวกกูพวกมึง..อย่าทำ…
ให้เอาธรรมวินัยเป็นหลัก
เขาถึงขนาดแบ่งแผ่นดินไทยเป็นซีกๆไปแล้ว อังกฤษเอาฝั่งขวาของแม่น้ำเจ้าพระยา
ฝรั่งเศสเอาฝั่งซ้ายแม่น้ำเจ้าพระยา
แต่โดยอาศัยธรรมวินัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปิยมหาราช เอามาใช้ในการทำสงคราม
สงครามป้องกันอิสระภาพหรือสงครามต่อสู้การล่าอาณานิคม
เพราะฉะนั้นการรักษาแผ่นดินไทยให้รอดมาถึงพวกเรานี้ เขาได้ใช้ธรรมวินัยเป็นเครื่องมือมาตลอด
เพราะฉะนั้นขอฝากไว้กับลูกหลานไทยทั้งโลก
รวมทั้งชาวพุทธทั้งโลกด้วยว่า ช่วยกันรักษาธรรมวินัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาไว้ให้ดี
และให้รู้จักนำไปใช้ อย่าทำอะไรตามอำเภอใจ เอาความโลภนำหน้า ไม่ได้ตามที่โลภก็โกรธกัน เอาโทสะมาร่วม
ถ้าได้อย่างใจก็ไม่รู้จักพอ ก็เอาโมหะเข้ามาร่วม
ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ให้ดูประเทศใหญ่ๆที่เคยล่มสลายในโลกนี้ มีหลายอาณาจักรมาแล้ว
อาณาจักรโรมที่ยิ่งใหญ่ก็พังมาแล้ว
อาณาจักรกรีกที่เคยยิ่งใหญ่ก็พังไปแล้ว
อาณาจักรต่างๆในอดีตพังไป
แต่อาณาจักรซึ่งมีประชาชนแค่หยิบมือ แต่ได้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงทศพิธราชธรรม
เอาธรรมวินัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นใหญ่ ก็เลยช่วยกันรักษาแผ่นดินไทยมาได้ถึงวันนี้
ก็ขอให้คนไทยทั้งแผ่นดินรำลึกถึงสิ่งที่บรรพบุรุษของเราทำกันมา
ว่าใช้ธรรมวินัยนี้ปกป้องรักษาประเทศชาติบ้านเมืองและพระพุทธศาสนามาอย่างไร
แล้วประเทศไทยจะปลอดภัย ไม่ว่ามันจะวิกฤติจากอะไร
วิกฤติเศรษฐกิจก็เถอะ ถ้ารู้จักแบ่งกันกิน ปันกันกินละก็ เศรษฐกิจจะไปทำอะไรเราได้
แต่ว่าถ้าฉันมีทุนเยอะ ฉันจะฮุบให้หมดทั้งแผ่นดินเดี๋ยวได้ฆ่ากันตาย
แต่ปันกันกินเมื่อไหร่ ประเทศไทยอยู่ได้
แต่ไม่ใช่ปันกันกินเฉพาะในกลุ่มของตัวเอง ให้ปันทั้งแผ่นดิน เพราะแต่ละคนก็คนไทย
บรรพบุรุษพ่อแม่ของแต่ละคนก็ช่วยสร้างชาติกันทั้งนั้น
ไม่ใช่มีตระกูลใดตระกูลหนึ่งเมื่อไหร่เล่า แผ่นดินไทยจึงอยู่ได้ถึงทุกวันนี้
เพราะฉะนั้นมีอะไรก็ปันกันอยู่ปันกันกินปันกันใช้ เดี๋ยวเราก็ประคองประเทศเราไปได้
วิกฤติโควิดนี้ แม้แต่คนไทยที่ไปอยู่ต่างประเทศ เขาก็ยังสู้อุตส่าห์ดิ้นรนเอาวัคซีนจากต่างประเทศมาให้ประเทศไทย
เมื่อได้มาแล้วก็แบ่งปันกันให้ถ้วนหน้า ด้วยความเป็นธรรม ด้วยความสะอาด ด้วยความเป็นระเบียบ เดี๋ยวมันก็ไปกันได้
สะอาดกับระเบียบหรือธรรมวินัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แก้ไขทั้งโรคระบาด แก้ไขได้ทั้งการล่าอณานิคม แก้ไขได้สารพัด
ถ้าไม่สารพัดจะนำพระพุทธศาสนาฝ่าวิกฤติโลกมาได้ถึง 2564 ปีได้อย่างไร
ฝากไว้นะลูกหลานไทยทั้งแผ่นดิน
วันนี้บูชาข้าวพระบุญใหญ่ แล้วก็ลูกหลานหลวงปู่ครูไม่ใหญ่คุณยายทั่วโลก ช่วยไปตรองกันให้ดี
สะอาดกับระเบียบที่ย้ายให้ไว้จะอยู่ที่ไหนก็ฝ่าวิกฤตโควิดได้
อยู่ที่ไหนฝ่ากิเลสได้
จะเข้าถึงพระธรรมกายในตัวมันก็ต้องสะอาดกับระเบียบนี้นะ อย่างอื่นไม่มี
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลและรูปภาพ
- ห้องZoom ของรายการธรรมวันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม 2564
- ห้องซูม ภาคนครหลวง 6
- ช่อง GBN LIVE
- ภาพดีไซด์จากเว็บ Canva และ ภาพรัชกาลที่ 5 จากเว็บบล็อก sitthiporn